วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Arcanist's E-sport

 

I was working on my own project but a fun idea popped into my head so I decided to work on this piece first and finished it in one sitting. The characters and color style are simpler than the last piece. For general gags, I find this scale works better.   


จะเริ่มทำงานของตัวเองต่อแต่จู่ๆ เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาเลยลัดคิวรีบทำแฟนอาร์ตชิ้นนี้ก่อนจะหมดความอยากทำ สัดส่วนตัวละครกับวิธีลงสีเรียบง่ายกว่าชิ้นที่แล้ว สำหรับการ์ตูนแก็กทั่วไปผู้เขียนชอบใช้ภาพสไตล์นี้มากกว่า


-devilray-

FB and X - dfaxtory


#Reverse1999FanWorkContest #GoUluru #Reverse1999 #Reverse1999Fanart #Spathodea #Vertin #dfaxtory #devilray 

วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

One Punch!

 


Spathodea from patch 1.5 of Reverse: 1999 was one of my favorite characters in this game. I appreciate how the developers didn’t hesitate to assign ‘masculine’ professions to female characters, as this time they made Spathodea a boxer. Around 20+ years ago when I started my career as a comic creator, I faced hatred, bullying, and sexual harassment for featuring non-sexualized women as my protagonists and assigning them ‘masculine’ professions like police officers or soldiers. Back then, I couldn’t imagine that society would ever become as open-minded as it is today (but sadly, in my country still not so much). 


I hope that someday gender discrimination can be resolved, allowing women to pursue any path they choose without judgment from society. May all female characters in open-minded media reflect this future.


Spathodea ตัวละคร 6 ดาวแพทช์ 1.5 เกม Reverse: 1999 เป็นตัวละครอีกตัวที่ผู้เขียนชอบแต่ทรงผมของเธอวาดยากชะมัด (ฮา...) 


สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนชอบในเกม Reverse: 1999 คือการที่ผู้พัฒนากล้าที่จะกำหนดให้ตัวละครหญิงมีอาชีพที่สังคมมองว่าเป็น 'อาชีพผู้ชาย' เช่นในคราวนี้ที่กำหนดให้ Spathodea เป็นนักมวย และไม่ใช่แค่กำหนดอาชีพเพื่อ sexualize ตัวละครแบบการวาดสาวอกสะบึมแต่งชุดวาบหวิวถือปืนซึ่งดูแล้วไม่น่าจะมีความสามารถในการรบแล้วบอกว่าเป็นทหารแต่สร้างบุคลิกและภูมิหลังของตัวละครให้ดูมีน้ำหนักมากพอให้เชื่อได้ว่าคือคนอาชีพนี้จริงๆ เมื่อเทียบกันแล้วสมัยผู้เขียนเริ่มอาชีพนักเขียนการ์ตูนเมื่อ 20 กว่าปีก่อนผู้เขียนโดนเกลียด โดนบุลลี่ และถูกคุกคามทางเพศเพราะเขียนงานที่มีตัวเอกเป็นผู้หญิงที่ไม่ตรงตามมาตรฐานความงามของสังคมและกำหนดให้ตัวละครมี 'อาชีพผู้ชาย' อย่างเช่นตำรวจหรือทหาร ตอนนั้นผู้เขียนนึกภาพไม่ออกว่าจะมีวันที่สังคมเปิดกว้างมากเท่านี้ (แต่น่าเสียดายที่บ้านเรายังไม่ค่อยเปิดกว้างเท่าไร)


ผู้เขียนหวังว่าสักวันผู้หญิงทุกคนจะสามารถประกอบอาชีพและใช้ชีวิตได้อย่างอิสระโดยไม่โดนสังคมตัดสิน และหวังว่าจะมีสื่อที่เปิดกว้างกล้าแสดงบทบาทของผู้หญิงที่หลากหลายขึ้นในอนาคต


ปล. หลังจากทดลองหลายๆ อย่างกับแฟนอาร์ตทำให้รู้ว่าการเลือกสไตล์เส้น สี กับสัดส่วนตัวละครให้เข้ากับมุกตลกนี่ยากจริงๆ มุกบางประเภทถ้าใช้สไตล์เส้นที่ไม่เข้ากับมุกก็จะสื่อสารความตลกออกมาไม่ได้กลายเป็นแป๊กไปซะฉิบ


-devilray-

FB and X - dfaxtory


#dfaxtory #devilray #Reverse1999 #Reverse1999Fanart #Reverse1999FanWorkContest #Spathodea #ToothFairy #GoUluru

วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

My (Fire) Pet Ate My Report Card.

 



My (Fire) Pet Ate My Report Card.


I tried using watercolor techniques on manga-style inking. The result turned out differently than I had expected. Littleseal commented that it looks more like a chalk-colored picture. (cry...).


ลองใช้เทคนิคสีน้ำกับเส้นสไตล์มังงะ ผลที่ออกมาดูต่างจากที่คิดไว้พอควร แมวน้ำน้อยบอกว่าดูไม่เหมือนสีน้ำดูเหมือนสีชอล์คมากกว่า (แป่ว...) 


-devilray-

FB and X - dfaxtory


#dfaxtory #devilray #Reverse1999 #Reverse1999Fanart #Reverse1999FanWorkContest #Spathodea #Uluru #Ezra #DesertFlannel #GoUluru

วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

Sufficiency Economy

 


Sufficiency Economy. A New Ethical Paradigm for Sustainability for New Era. 


กระเบน :


ช่วงนี้คิดว่าทุกคนคงรู้ข่าว (หรืออาจได้ดู) ดราม่า นัก #เดี่ยว ไมโครโฟนคนหนึ่งกันแล้ว ผู้เขียนไม่ได้ติดตามนักพูดคนนี้ตลอด แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ผู้เขียนเลิกสนใจนักพูดคนนี้คือครั้งที่เขาเอาพี่เบิร์ดมาล้อ มุกตลกที่ได้ฟังตอนนั้นคือ "ขำไม่ออก" เพราะมันเข้าข่ายเหยียดเพศและแรงเกินกว่าแค่ล้อกันขำๆ แล้ว


ดราม่าเรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนเพิ่งรู้ว่านักพูดคนนี้ก่อนดังเคยเป็นนักวาดการ์ตูนมาก่อน ผู้เขียนเลยนึกถึงรุ่นน้องนักเขียนการ์ตูนคนหนึ่งซึ่งมีนิสัยคล้ายนักพูดคนนี้ คือ ชอบดูถูกชอบแซะคนอื่นแล้วพอเห็นคนอื่นเริ่มโกรธหรือจะตอบโต้ก็หงายการ์ดว่า "พี่...ผมแค่แซวเล่น" เขาจะเกรงใจเฉพาะผู้ชายแต่ไม่เคยให้เกียรติผู้หญิง แม้แต่พี่ในกองบก. ที่เป็นคนเงียบๆ รุ่นน้องคนนี้จะชอบข่มมาก ต้องกระแนะกระแหนด้อยค่าไปหมด 

หลังรู้จักกันหลายปีจนมากพอจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ทุกครั้งที่ผู้เขียนเจอรุ่นน้องคนนี้ ผู้เขียนจะปิดสวิตช์ในหัวตัวเองไม่ให้ตอบโต้แล้วยิ้มรับอย่างเดียวเพราะอยากรู้ว่าครั้งนี้เขาจะแสดงอะไรออกมา จะมีพัฒนาการทางความคิดเพิ่มขึ้นบ้างมั้ย?


แต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกันในงานเลี้ยงเมื่อหลายปีก่อนก็ยังเหมือนเดิม เจ้าภาพโทรมาเชิญพวกเรานักเขียนและนักเขียนร่วม "ทั้งคู่" ด้วยตัวเอง พวกเราจึงตัดสินใจไปเพื่อให้เกียรติเจ้าภาพ พอเจอรุ่นน้องคนนั้นแทนที่จะทักทายกันตามปกติ เขากลับพยายามตะเบ็งด้วยประโยคซ้ำๆ เสียงดังๆ ว่า "ทำไมผู้เขียนพาผู้เขียนร่วมมางานเลี้ยงได้ รู้งี้เขาพาคนของตัวเองมาบ้างดีกว่า" โดยมีเจตนาให้คนอื่นที่เดินผ่านไปมาได้ยิน ทั้งยังพูดขัดทุกครั้งที่ผู้เขียนจะอธิบายตอบว่า "เราทั้งคู่มาเพราะคำเชิญของเจ้าภาพ" ตอนนั้นผู้เขียนยิ้ม แกล้งไม่รู้แล้วปล่อยให้เขาทำไป เพราะคิดว่าที่เราทั้งคู่มางานนี้ก็เพราะเจ้าภาพ ฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผู้เขียนจะไม่ตอบโต้หรือทำอะไรที่ทำให้บรรยากาศไม่ดีจนเจ้าภาพต้องเสียหน้า


จากเรื่องที่เล่าข้างต้นจะเห็นได้ว่า นักพูดคนนั้นกับรุ่นน้องผู้เขียนคนนี้มีนิสัยคล้ายกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ชอบดูถูกคนอื่นแล้วหงายการ์ดว่า "แค่มุกตลก/แค่แซวเล่นขำๆ" เพื่อให้รอดพ้นจากความรับผิดชอบที่พึงมีต่อคำพูดของตนเอง ซึ่งจากคำพูดและการแสดงออกทำให้พออนุมานได้ว่านักพูดคนนี้คงเหมือนรุ่นน้องผู้เขียนที่โอกาสจะพัฒนาทัศนคติตัวเองให้ดีขึ้นคงมียาก เพราะดูจากอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยแล้วนอกจากจะเกิดเหตุการณ์ที่พลิกชีวิต 


ปกติคนประเภทนี้ผู้เขียนไม่ค่อยอยากยุ่งด้วยแต่ครั้งนี้สิ่งที่นักพูดคนนี้เหยียดหยามมีหลายเรื่องที่ผู้เขียนรับไม่ได้


ศิลปะไม่ใช่ทุกแขนงจะเป็นพาณิชยศิลป์ที่ทำเงินได้ และการทำเงินได้ก็ไม่ใช่ตัวชี้วัดคุณค่าเชิงศิลปะ หากทุกอย่างวัดคุณค่ากันได้ด้วยเงินอย่างเดียวจริง ปัจจุบันคงไม่เกิดการอนุรักษ์ศิลปะหลายแขนงรวมถึงหลายสถาบันที่สอนศิลปะสาขาที่ทำเงินไม่ได้คงหายสาบสูญกันไปหมดแล้ว 


ผู้ที่ได้รับการยกย่องขึ้นเป็นศิลปินแห่งชาติไม่ใช่เพราะเขาทำเงินได้สูงกว่าใคร แต่ได้รับการยกย่องเพราะว่าเขามีผลงานเป็นที่ประจักษ์และมีคุณค่าต่อสังคม การที่นักพูดคนนั้นด้อยค่าศิลปินแห่งชาติว่าทำเงินได้ไม่มากเท่าเด็กสมัยนี้แสดงให้เห็นถึงความคิดที่ตื้นเขิน


ผู้เขียนไม่ใช่คนดีหรือเป็นนักเขียนใหญ่โตที่มีชื่อเสียงเงินทองหรือทรงอิทธิพลก็จริง แต่การที่ผู้เขียนเป็นนักเขียนมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะ นักเขียนรุ่นก่อนๆ ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักเคยบุกเบิกถากถางทางมาก่อน 


ตอนที่ผู้เขียนเป็นวัยรุ่นเคยมีโอกาสได้คุยกับ อ.ปยุต เงากระจ่าง ในงานการ์ตูน ซึ่งตอนนั้นท่านยังให้ผู้เขียนได้ดูงานบางส่วนด้วย ตอนนั้นผู้เขียนรู้สึกทึ่งที่แม้จะชราแล้วแต่ท่านก็ยังคงเขียนการ์ตูนอยู่ 


จริงอยู่ที่ไม่ใช่ผู้อาวุโสทุกคนจะมีนิสัยน่ารัก แต่การเหมารวมว่าผู้อาวุโสทุกคนเป็นคนไร้ค่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เราทุกคนไม่ใช่เกิดมาแล้วเก่งเลยโดยไม่ต้องมีใครสอนหรือไม่ต้องมีใครเป็นแบบอย่าง แม้แต่นักพูดคนนั้นเองกว่าจะมาถึงวันนี้ก็ต้องเรียนรู้มาจากคนรุ่นก่อนไม่ว่าทั้งทางตรงทางอ้อมเหมือนกัน และสักวันนักพูดคนนั้นก็ต้องแก่ ตัวเขาเองจะรับได้มั้ยหากมีเด็กรุ่นหลังมาพูดถึงเขาแบบเดียวกับที่เขาพูดถึงคนรุ่นก่อนในวันนี้?


และสุดท้าย หากไม่ได้ศึกษาหรือไม่รู้ก็อย่าด้อยค่า "เศรษฐกิจพอเพียง"


เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวคิด, หลักปรัชญาที่มีการพิสูจน์กันมาแล้วและได้รับเหรียญฟิแลจาก UNESCO, ได้รับรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์จากสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และหลายองค์กรจากทั่วทุกมุมโลกว่าใช้ได้จริง


หลักการของเศรษฐกิจพอเพียงคือ "ทางสายกลาง" หรือก็คือหลักการเดียวกับศาสนาพุทธและอีกหลายๆ ศาสนาที่เน้นถึงการรักษาสมดุลในชีวิตในด้านต่างๆ ที่จะนำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืน ซึ่งแน่นอนว่า นักพูดคนนั้นผู้นับถือลัทธิที่เชื่อว่าหนทางขึ้นสวรรค์ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่จ่าย คงไม่มีวันเข้าใจ


ปล. ศิลปินแห่งชาติ อาจารย์ เกริก ยุ้นพันธุ์ ที่ผู้เขียนเคารพเป็นผู้ที่ลงสีน้ำได้สวยมาก (ผู้เขียนเสียดายตอนเรียนกับอาจารย์ดันไม่ขยันให้มากกว่านี้ ทุกวันนี้ลงสีบนกระดาษทีไรยังเน่าทุกที) ถึงภาพนี้จะเป็นงานดิจิตัลแต่ผู้เขียนพยายามใช้เทคนิคสีน้ำเพื่อแสดงความคารวะต่ออาจารย์


-devilray-


แมวน้ำ :

ตอนเด็กๆ ดูแล้วรู้สึกสนุกขำมาก แต่หลายปีก่อนได้กลับมาดูใหม่ความรู้สึกตอนดูกลับไม่เหมือนเดิม ทำให้คิดว่าตอนนั้นเรารู้สึกตลกกับมุกเหล่านั้นไปได้อย่างไร เลยพอจะเข้าใจคนที่ยังชอบอยู่ตอนนี้ หลายอย่างมันต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้สะดุดเกิดให้ขบคิด ถ้าไม่ตระหนักด้วยตัวเองก็ยากที่จะมีการเปลี่ยนแปลง


ปล. ปลูกผักยากมากๆๆๆ เฉาตาย ใบร่วง รากเน่า ดินเป็นกรด เป็นรา ติดโรค แมลงลง ฯลฯ ยิ่งปลูกแบบอินทรีย์ยากกว่าใช้สารเคมีหลายเท่า เลยเข้าใจเลยว่าทำไมต้องมีการทำ "แปลงทดลอง" เพราะถ้าไม่ทำจริงก็จะไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง


-little seal- 


FB and X - dfaxtory

#dfaxtory #devilray #เศรษฐกิจพอเพียง