วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563

ภาพในตอน 165



#comicoThailand #comicoth
#delvento : http://www.comico.in.th/titles/130
ตอน 165 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/172
ตอน 155 : ใช้ RC อ่านได้ : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/162
...

นี่เป็นการแจ้งข่าวล่วงหน้า ตอน 165 อัพวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2563 นะ

...

สาเหตุที่อาทิตย์นี้หยุดนี่เกิดจากความบ้า + งี่เง่าของผู้เขียนล้วนๆ เลย

ที่ว่าบ้าคือดันเพิ่งนึกออกว่าสงกรานต์ปีนี้งดจัดเพราะ Covid-19 ทำให้ทุกคนอดเที่ยว เลยคิดทำตอนพิเศษนี้ขึ้นมาขณะที่กำลังตรวจต้นฉบับ Del Vento ตอน 166 เพราะอยากให้ทุกท่านได้สนุกกับบรรยากาศงานสงกรานต์แล้วลืมเรื่องโรคระบาดไปสักพักแม้ว่าจะเป็นแค่ในการ์ตูนก็เถอะ แล้วก็โหมปั่นตาแหกตั้งใจจะเอาตอนสงกรานต์ลงก่อนต้นฉบับที่เพิ่งทำเสร็จไม่งั้นมันจะเลยช่วงสงกรานต์และล้าสมัยไปแล้ว

แต่...ก็ดันพลาดเอาช่วงสุดท้ายก่อนส่งต้นฉบับคือทำตัวต้นฉบับเสร็จแต่ดันตรวจ final ไม่ทัน ทำให้ส่งงานไม่ได้ทั้งที่มีต้นฉบับ 2 ตอนอยู่ในมือ  (ตอนสงกรานต์ + ตอน 166) นับเป็นบทเรียนสำคัญของผู้เขียนที่ทำให้จำไปถึงกระดูกว่าการดูแลสุขภาพตัวเองก็เป็นหนึ่งในหน้าที่สำคัญของนักเขียนด้วย

ความผิดพลาดครั้งนี้ผู้เขียนขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ต้องขอโทษผู้เขียนร่วม บก. ทั้ง 2 ท่าน และผู้อ่านทุกท่านที่ต้องเดือดร้อนเพราะความเอาแต่ใจของผู้เขียน

สรุป...รอเที่ยวสงกรานต์ (สายป่านนั้นคงเรียก "เที่ยววันไหล" แล้ว ฮ่าๆๆ) กับรี้ดอาทิตย์หน้านะจ๊ะ ^^"

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563

งานวิจัยล่าสุดของ UN ระบุว่า ชายและหญิงเกือบ 90% มีอคติต่อเพศหญิง


งานวิจัยล่าสุดของ UN ระบุว่า ชายและหญิงเกือบ 90% มีอคติต่อเพศหญิง





จากการวิเคราะห์ดัชนี Gender Social Norms ถึงอคติทางเพศในด้านต่างๆ เช่น การเมืองและการศึกษา ใน 75 ประเทศทั่วโลกซึ่งครอบคลุมกว่า 80% ของประชากรโลกได้ผลงานวิจัยระบุว่า "ไม่มีประเทศไหนในโลกที่มีความเท่าเทียมกันทางเพศ"

- ผู้ชายและผู้หญิงมากกว่า 40% เชื่อว่า ผู้ชายสามารถบริหารธุรกิจได้ดีกว่า

- ผู้ชายมากกว่า 50% เห็นว่าเพศชายมีสิทธิ์ในตำแหน่งงานมากกว่าเพศหญิง ผู้หญิงควรได้รับค่าแรงน้อยกว่าผู้ชายในตำแหน่งงานเดียวกันและไม่ควรได้รับการเลื่อนขั้นให้อยู่ในตำแหน่งบริหาร

- ผู้ชายและผู้หญิงทั่วโลกมากกว่า 50% รู้สึกว่าผู้ชายเหมาะกับการเป็นผู้นำทางการเมืองมากกว่า ปัจจุบันจำนวนของผู้นำรัฐบาลที่เป็นผู้หญิงมีน้อยกว่า 5 ปีก่อน คือ จากที่เคยมี 15 คน (ปี 2014) เหลือ 10 คน (ปี 2020) จาก 193 ประเทศ

- 28% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับได้หากผู้ชายจะทำร้ายร่างกายคู่ครองของตนเอง

Pedro Conceicao หัวหน้าฝ่ายพัฒนามนุษย์ของ UNDP กล่าวว่า "เรามาไกลเกินกว่าที่จะทำให้สังคมยอมเชื่อว่าผู้หญิงควรได้รับสิทธิในการมีชีวิตขั้นพื้นฐานเช่นเดียวกับผู้ชาย ในช่วงไม่กี่ทศวรรษนี้ความเหลื่อมล้ำระหว่างเพศยิ่งเด่นชัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านที่เกี่ยวกับการท้าทายความสัมพันธ์เชิงอำนาจและการส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมกัน ตรงข้ามกับความลำเอียงและอคติที่คนส่วนใหญ่คิดว่าทุกวันนี้สังคมเท่าเทียมทางเพศมากขึ้น"

Raquel Lagunas ผู้กำกับทีมปฏิบัติการทางเพศของ UNDP กล่าวว่า "เราต้องทลายกำแพงของความลำเอียงและอคติตั้งแต่ตอนนี้หากเราต้องการที่จะเห็นความคืบหน้าในการผลักดันให้มีความเท่าเทียมกันทางเพศโดยเร็วและขยายไปในวงกว้าง"

ในบทความนี้ผู้เขียนได้นำข้อมูลมาสรุปให้เหลือแค่หัวข้อที่สำคัญผู้อ่านสามารถตามไปอ่านสถิติอย่างละเอียดได้ในลิงก์ที่ให้ไว้หรือสามารถนำคีย์เวิร์ดไปค้นหาเพิ่มเติมได้

หากผู้อ่านได้อ่านบทความเก่าๆ ที่ผู้เขียนเคยเขียนก็คงเคยเห็นผู้เขียนพูดถึงการเหยียดเพศหญิงเป็นระยะๆ เพียงแต่ตอนนี้มีงานวิจัยของ UN มารองรับให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้นเท่านั้น (ที่จริงก็มีงานวิจัยจากสถาบันอื่นเป็นหัวข้อย่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องอคติทางเพศในสถานศึกษา ที่ทำงาน สาขาอาชีพ ฯลฯ ออกมาเป็นระยะ เพียงแต่ที่ไม่ได้หยิบยกมาเพราะยังเห็นภาพไม่ชัด)

ทุกวันนี้ดูเหมือนผู้หญิงจะมีอิสระในการใช้ชีวิตมากขึ้นแต่ลึกๆ แล้วผู้หญิงยังไม่ได้เข้าถึงอำนาจในเชิงโครงสร้างเลย อำนาจทางการเมืองการปกครองหรืออำนาจในการกำหนดทิศทางของสังคมยังอยู่ในมือผู้ชายแบบเบ็ดเสร็จและการเหยียดเพศยังมีอยู่เพียงแต่มันเปลี่ยนรูปแบบแอบซ่อนอย่างแนบเนียนต่างจากยุคก่อน เช่น

- ผู้หญิงสามารถทำงานนอกบ้านได้แต่ยากที่จะได้เลื่อนตำแหน่งไปอยู่ในระดับผู้บริหาร รับราชการได้แต่น้อยคนที่จะได้ขึ้นไปในระดับผู้นำองค์กร เล่นการเมืองได้แต่น้อยคนจะได้ขึ้นไปเป็นระดับรัฐมนตรีหรือผู้นำประเทศ

- ยังมีบางอาชีพ (ในหลายประเทศ) ที่ถูกสงวนไว้เฉพาะผู้ชาย เช่น สายทหาร,ตำรวจ และเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้หญิงจะขึ้นไปเป็นระดับผู้บังคับบัญชา

- ผู้หญิงเป็นเจ้าของกิจการได้แต่น้อยคนที่จะสามารถขยายกิจการให้มีขนาดใหญ่ ยิ่งหากไม่ได้เกิดมาในตระกูลร่ำรวยหรือมีเส้นสายแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำธุรกิจแล้วก้าวหน้า

- ผู้หญิงสามารถแสดงออกด้านเพศและความสัมพันธ์ได้มากขึ้นแต่สังคมกลับยังคงตำหนิผู้หญิงในเรื่องนี้ ไม่ตำหนิผู้ชายที่ทำเรื่องเดียวกันซ้ำบางส่วนยังมองว่าเป็นพฤติกรรมที่สร้างเสน่ห์ให้กับผู้ชายด้วยเช่น การมีเมียน้อย, การคบชู้หรือคบหลายคนพร้อมกัน, การอยู่ก่อนแต่ง, การใช้สื่อลามก, การซื้อผู้หญิงหรือการใช้สถานบริการเพื่อหาคนมามีเพศสัมพันธ์ รวมถึงหากผู้หญิงพลาดจากการมีเพศสัมพันธ์จนท้อง ไม่ว่าจะเก็บเด็กไว้หรือทำแท้งผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเดียวที่ถูกประณาม

เราทุกคนเติบโตมาในสังคมชายเป็นใหญ่ (Patriarchy) ดังนั้นเราทุกคนจึงมีความเหยียดเพศหญิง (Misogyny) อยู่ในตัวไม่มากก็น้อยและส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวทั้งไม่คิดว่าตัวเองเหยียด

เรามักยกย่องเพศชายดูถูกเพศหญิงเป็นเรื่องปกติแต่กลับมองการยกย่องเพศหญิงและตำหนิเพศชายว่าเป็นการเหยียดผู้ชาย (Misandry) และเป็นพฤติกรรมน่ารังเกียจโดยอัตโนมัติ

เรายกย่องอวัยวะเพศชายมีการสร้างวัตถุมงคลจากลึงค์มากมายและยกย่องว่าผู้ชายสูงส่งกว่าผู้หญิงเพราะเป็นเพศที่มีลึงค์แต่อวัยวะเพศหญิงและระดูกลับถูกเหยียดว่าเป็นของต่ำของเสื่อมไม่ควรยกมาพูดถึงและมองผู้หญิงเป็นเพศที่ต่ำกว่าเพราะเป็นเพศที่ไม่มีลึงค์ เรารักลูกชายมากกว่าลูกสาวเพราะลูกชายสืบสกุลได้บวชให้พ่อแม่ได้ไม่ต้องห่วงว่าจะท้องก่อนแต่ง (และส่วนใหญ่จะไม่สอนลูกชายตัวเองว่าอย่าไปทำลูกสาวคนอื่นท้องก่อนแต่ง) และดูถูกลูกสาวเพราะลูกสาวต้องแต่งออกบวชแทนคุณไม่ได้และอาจถูกลูกชายของคนอื่นล่วงเกินให้ท้องก่อนแต่งเสียชื่อมาถึงพ่อแม่เรารับฟัง

เราให้น้ำหนักความคิดเห็นของผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้หญิงส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผู้ชายมากกว่าการคำนึงถึงความรู้สึกของตัวเองหรือผู้หญิงคนอื่น จนไม่กล้าวิจารณ์พฤติกรรมแย่ๆ ของผู้ชาย ไม่กล้าชมเชยผู้หญิงที่ทำดีหรือยกย่องเป็นต้นแบบเพราะกลัวโดนหาว่าเป็นพวกเกลียดผู้ชายหรือเป็นเลสเบี้ยน ในขณะที่ผู้ชายยกย่องกันเองนับถือเพศเดียวกันเองตลอดโดยไม่มีคนกล่าวหาว่าเป็นเกย์

เรามักให้อภัยต่อพฤติกรรมแย่ๆ ของผู้ชาย เช่น การมีชู้ มีเพศสัมพันธ์กับคนจำนวนมากการซื้อบริการทางเพศ ตะคอกดูหมิ่นดูแคลนคนอื่น ใช้กำลังกับผู้อื่น เอาเปรียบผู้อื่น ฯลฯ และคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นชายแต่ด่าว่าผู้หญิงที่ทำแบบเดียวกันและมักลงโทษทางสังคมต่อผู้หญิงเหล่านั้นอย่างรุนแรง

เราคาดหวังว่าผู้หญิงรอบตัวจะต้องพูดดี เอาใจเรา อดทนต่อเราโดยอัตโนมัติ ในขณะที่เราไม่ได้คาดหวังสิ่งเหล่านี้จากผู้ชาย เมื่อผู้หญิงรอบตัวปฏิบัติตัวไม่ตรงกับกรอบความคิดที่เราวางไว้เรามักจะเหม็นขี้หน้าและมองว่าเธอเป็นคนไม่ดีในขณะที่หลายครั้งผู้ชายทำตัวแย่หรือเอาแต่ใจมากแค่ไหนเรากลับไม่รู้สึกโกรธหรือเกิดอคติต่อผู้ชายเท่าผู้หญิง

เรามักเชิดชูความสำเร็จของผู้ชายว่ามีคุณค่าและสำคัญกว่าผู้หญิงแต่ตอนที่ล้มเหลวเรามักจะตำหนิผู้หญิงหนักกว่าผู้ชายและมักตำหนิที่ความเป็นเพศหญิง

และเราชาชินกับความรุนแรงโดยเฉพาะความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงแต่รู้สึกว่ารับไม่ได้หากความรุนแรงแบบเดียวกันเกิดขึ้นกับผู้ชาย

ในสังคมชายเป็นใหญ่ (Patriarchy) สังคมประเมินค่าของผู้ชายจากประโยชน์ที่ผู้ชายมีต่อสังคมแต่จะประเมินผู้หญิงจากประโยชน์ที่ผู้หญิงมีต่อผู้ชาย การเกิดเป็นชายหมายถึงการมีอิสระแต่การเกิดเป็นหญิงหมายถึงการต้องอยู่ในกรอบและถูกบีบอัดด้วยกฎเกณฑ์ทางสังคมมากมาย

ซึ่งกฎเกณฑ์ทางสังคมที่มีมากมายเหล่านี้ก็เพื่อขัดเกลาผู้หญิงให้มีประโยชน์ต่อผู้ชายสูงสุดและหากผู้หญิงเลือกที่จะอยู่โดยปฏิเสธกฎเกณฑ์เหล่านั้น (ไม่แต่งหน้า ไม่สวมกระโปรง ไม่แต่งตัวแบบผู้หญิง ไม่ทำตัวแบบที่ผู้ชายพอใจไม่มีแฟนไม่มีลูก ฯลฯ) ผู้หญิงเหล่านั้นก็จะถูกปฏิบัติแบบพลเมืองชั้น 2 ถูกกันออกจากสังคมโดยอัตโนมัติและอาจถูกผู้ชายข่มเหงหรือคุกคามทางเพศเพื่อ “สั่งสอน”

นั่นทำให้ผู้หญิงจำนวนมากเกิดความกลัวที่จะคิดหรือทำสิ่งที่แตกต่าง เลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็นของตนจริงๆ ทำตามระบบแล้วอยู่ในสังคมแบบตัวใครตัวมันหรือเข้าข้างผู้ชายด้วยการวางตัวเฉยเมื่อเห็นผู้หญิงเดือดร้อนและยังช่วยผู้ชายกลั่นแกล้งซ้ำเติมผู้หญิงที่ถูกรังแกหรือดูหมิ่นผู้หญิงที่รวมตัวกันออกมาเรียกร้องสิทธิด้วยหวังว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ตัวเองได้รับการยอมรับจากผู้ชายแล้วสถานะทางสังคมของตนจะปลอดภัย

หากจะพูดถึงความเหลื่อมล้ำทางเพศให้ครบทุกแง่มุมคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเขียนให้ครบถ้วนตรงนี้เพราะมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก หากมีโอกาสผู้เขียนจะเรียบเรียงแล้วนำมาลงให้อ่านกันในโอกาสหน้า

การรับรู้ข้อมูลว่ายังมีอคติทางเพศอยู่ไม่ใช่เพื่อให้ท้อใจหรือหมดกำลังใจ

แต่เพื่อให้ผู้หญิงรู้เท่าทันว่าเกิดอะไรขึ้น คนในสังคมมีความคิดและมีค่านิยมอย่างไร ทำไมสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเราไม่เกิดขึ้นกับผู้ชายที่อยู่ใกล้ตัวเพื่อจะได้ระวังตัวในการใช้ชีวิตมากขึ้น ซึ่งก็คงดีกว่าการหลอกตัวเองว่า “ชายหญิงเท่าเทียมกันแล้ว” แต่พอใช้ชีวิตในสังคมจริงๆ สิ่งที่เจอกลับตรงข้ามแล้วไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

และที่สำคัญเราจะได้ทบทวนตัวเองว่า "ลำเอียงและอคติต่อเพศหญิง" ด้วยหรือไม่

ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องเชื่อทุกสิ่งที่ผู้เขียนพูดเพราะการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือการสังเกตทุกสิ่งรอบตัวแล้วนำมาคิดวิเคราะห์นำคีย์เวิร์ดจากแหล่งต่างๆ ไปค้นหาแล้วศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาข้อสรุปด้วยตัวเอง

ปัจจุบันเพศหญิง (female) และความเป็นหญิง (womanhood) ถูกด้อยค่าลงจนเป็นสิ่งน่ารังเกียจและแทบจะกลายเป็นแค่รสนิยมทางเพศ (fetish) ของคนบางกลุ่มไปแล้ว

สุดท้ายหากผู้หญิงด้วยกันยังไม่คิดจะให้เกียรติผู้หญิงหรือลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิตัวเองเพศหญิงก็จะถูกสังคมมองว่าเป็นเพศที่ต่ำกว่าตลอดไป

อ้างอิงจาก

หมายเหตุ : ที่จริงแปลสรุปย่อข่าวนี้เสร็จตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2563 ที่เพิ่งออกแต่ที่ยังไม่นำมาลงเพราะเห็นว่าสถานการณ์ Covid-19 และข่าวที่แวดล้อมต่างๆ ชวนให้ผู้คนเครียดกันมากพอแล้วจึงไม่อยากลงช่วงนั้นให้ผู้อ่านเกิดความเครียดมากขึ้น แล้วนำมาลงช่วงนี้แทน (ตอนค้นเว็บเพื่อหาลิงก์อ้างอิงเพิ่มพบว่าสำนักข่าวของไทยก็มีแปลบทความนี้เป็นภาษาไทยแล้วเช่นกัน หากสนใจสามารถนำหัวข้อค้นหาในกูเกิ้ลอ่านรายละเอียดในตัวเต็มได้)


วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2563

ปกตอน 164



#comicoThailand #comicoth
#delvento : http://www.comico.in.th/titles/130
ตอน 164 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/171
ตอน 154 : ใช้ RC อ่านได้ : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/161
...
ส่งสำเร็จ รอบก.ตรวจไฟล์อัพงานบ่ายสามนะคะ

อาทิตย์หน้าแอดมินขอหยุดค่ะ สภาพไม่ไหวแล้วค่ะ