วันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2565

Happy New Year 2023 สุขสันต์วันปีใหม่ 2566

 

Season's greetings. May all the goodness bless you and your family with good and perfect health, happiness, love and laughter forever.


สวัสดีปีใหม่ 2566 ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์อวยพรให้ชีวิตของคุณและครอบครัวเต็มเปี่ยมไปด้วยสุขภาพที่แข็งแรง พลานามัยที่สมบูรณ์ ความสุข ความรักและเสียงหัวเราะตลอดไป


季节的问候。 愿一切美好祝福您和您的家人永远健康、幸福、爱和欢笑。

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2565

สติ๊กเกอร์ไลน์ อาโลฮ่า 'รี้ด'

 

สติ๊กเกอร์ไลน์ อาโลฮ่า 'รี้ด' ใครสนใจซื้อได้ที่ 

https://store.line.me/stickershop/product/21576895/en


ราคา 65 (บอกตรงๆ งงมากว่าทำไมต้องราคาต่ำกว่านี้ไม่ได้ พอตั้งราคาต่ำมันขึ้นให้แก้ไขแล้วส่งใหม่ งง สุดๆ ผลคือ แก้ไม่สำเร็จ OTL)


กระเบนวาดเสร็จมาพักใหญ่แล้วแต่แมวน้ำไม่สบายและติดเกมเลยกลิ้งๆ ไว้ก่อนๆ จนโดนกระเบนโดดเตะขาคู่สติ๊กเกอร์จึงได้ออกมาสำเร็จ


ขอบคุณค่ะ


ปล. ระบบอัพโหลดสั่งซื้อขายสติกเกอร์ไลน์งงกว่าเดิมตอนปี 2016 ก็ไม่มีราคา 31 นะทำไมตอนนี้เป็น 31 ก็ไม่รู้ ตอนอ่านบอกสามารถโหลดฟรีได้ พอทำเสร็จมันขึ้นไม่สามารถโหลดฟรี งงค่ะ  

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

Unicorn Hunting สีสันของคู่รักหรือภัยสังคมรูปแบบใหม่ของผู้หญิง

 Unicorn Hunting สีสันของคู่รักหรือภัยสังคมรูปแบบใหม่ของผู้หญิง

 

คำอธิบายรูป - น.ส.เอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี แจ้งเพศสภาพของตนว่าเป็น “ทอม” ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ปคม. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม (https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2550136)


จากข่าว สาวหล่อ หรือ “ทอม” มีความสัมพันธ์กับหญิงที่มีสามีแล้วและถูกสามีของหญิงคนนั้นลวงไปข่มขืนพร้อมขู่บังคับให้เข้ามาอยู่ในความสัมพันธ์แบบ “3 คนผัวเมีย” เรื่องของคดีก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรมแต่ข่าวนี้ทำให้ผู้เขียนตัดสินใจเขียนบทความนี้ขึ้นมา


พอได้ยินคำว่า “Unicorn” (ยูนิคอร์น) ในแวดวงธุรกิจเราอาจนึกถึง Startup มาแรงมูลค่าสูงที่นานๆ จะเกิดขึ้นทีราวกับยูนิคอร์นในตำนาน แต่ในบทความนี้จะพูดถึง "ยูนิคอร์น" ในอีกความหมายหนึ่ง


คำอธิบายรูป – “Unicorn” (ยูนิคอร์น) สัตว์ในเทพนิยายของทางชาติตะวันตกที่เชื่อกันว่าพบตัวได้ยากและเขาของมันสามารถนำไปทำยารักษาได้ทุกโรค


“Unicorn” (ยูนิคอร์น) ในบทความนี้คือคำศัพท์ในวงการสวิงกิ้งของชาวต่างชาติ (Swinging – การมีเพศสัมพันธ์แบบแลกคู่หรือเปลี่ยนคู่ไปเรื่อยๆ) ใช้เรียกบุคคลภายนอกที่คู่รักชายหญิงชวนเข้ามามีความสัมพันธ์ทางเพศแบบกลุ่ม (เซ็กซ์หมู่) แบบชั่วครั้งชั่วคราว (แต่หากเป็น 3 คนผัวเมียถาวรเรียกว่า “Polyamory” หรือความสัมพันธ์แบบหลายผัวหลายเมีย) 


ซึ่งบุคคลภายนอกที่รู้วัตถุประสงค์ของคู่รักชายหญิงแล้วยินดีมีเซ็กซ์หมู่โดยไม่มีปัญหานั้นมีน้อยมาก ในกลุ่มคู่รักที่มีรสนิยมชื่นชอบการมีเซ็กซ์หมู่จึงเรียกบุคคลสุดหายากนั้นว่า “Unicorn” (ยูนิคอร์น) การตามหาผู้หญิงอื่นหรือผู้ชายอื่นมามีเซ็กซ์หมู่กับคู่ตนเองเรียกว่า “Unicorn Hunting” (ยูนิคอร์นฮันติ้ง – การล่ายูนิคอร์น) และคู่รักชายหญิงที่แสวงหาคนนอกเข้ามามีเซ็กซ์หมู่ด้วยจะถูกเรียกว่า “Unicorn Hunters” (ยูนิคอร์นฮันเตอร์ - นักล่ายูนิคอร์น) 


โดยมากคู่รักชายหญิงที่นิยมเซ็กซ์หมู่เกือบทุกคู่ผู้ริเริ่มความคิดที่จะดึง "ยูนิคอร์น" เข้ามาร่วมมีเซ็กซ์หมู่คือฝ่ายชายและบุคคลภายนอกที่ถูกชักชวนเข้ามามีเซ็กซ์หมู่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เพราะฝ่ายชายมักต้องการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคนพร้อมกันเพื่อเติมเต็มแฟนตาซีแบบฮาเร็มของตนแต่ไม่พอใจที่จะมีผู้ชายอื่นเข้ามามีเซ็กซ์กับผู้หญิงของตนเพราะนอกจากจะไม่ช่วยเติมเต็มแฟนตาซีแบบฮาเร็มของตนแล้วยังกลัวว่าจะถูกผู้ชายคนอื่นแย่งความสำคัญและบทบาทการเป็นผู้นำกลุ่ม บางคู่เกิดการทะเลาะจนถึงขั้นเลิกราหากฝ่ายหญิงเสนอให้ชวนผู้ชายอื่นเข้ามาในกิจกรรมทางเพศ 


คู่รักที่สะดวกใจในการชวนชายอื่นเข้ามามีเซ็กซ์หมู่จึงมักเป็นคู่ที่ฝ่ายชายมีรสนิยมชอบดูภรรยาหรือแฟนตัวเองมีเซ็กซ์กับชายอื่น (Cuckold) หรือไม่ก็เป็นแค่คู่ที่คบกันแค่ผิวเผิน คบกันแค่เพื่อมีเซ็กซ์และฝ่ายชายไม่ได้จริงจังขนาดจะแต่งงานสร้างครอบครัวกับฝ่ายหญิง หรือไม่ก็เป็นคู่ที่ฝ่ายชายเป็นไบเซ็กชวล (Bisexual - คนที่มีความสัมพันธ์ทางเพศได้กับทั้งผู้ชายและผู้หญิง) และผู้ชายที่ถูกดึงเข้ามาก็เป็นไบเซ็กชวลหรือเกย์ คู่รักที่คบหากันระยะยาวที่ฝ่ายชายใจกว้างและแฟร์พอจะนำชายอื่นเข้ามามีเซ็กซ์หมู่ร่วมกับแฟนหรือภรรยาตัวเองโดยปราศจากปัจจัยข้างต้นมีน้อยมาก


ดังนั้นในช่วงหลัง "ยูนิคอร์น" จึงกลายเป็นคำเรียก “ผู้หญิงคนนอกที่ถูกคู่รักชายหญิงชวนมามีเซ็กซ์หมู่” และแทบจะไม่มีใครใช้คำนี้เรียกผู้ชายคนนอก


ส่วนในประเทศไทย ในกลุ่มผู้ที่นิยมการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าหรือสวิงกิ้ง คำว่า “หญิงเดี่ยว” หรือ “ชายเดี่ยว” หมายถึงผู้หญิงหรือผู้ชายคนนอกคนเดียวที่คู่รักชวนไปมีเซ็กซ์หมู่ และคำว่า “คู่” หมายถึงคู่รักชายหญิง 


คำอธิบายรูป – เมื่อกรอกวลี “หาหญิงเดี่ยว” ในช่องค้นหาบนอินเทอร์เน็ตจะพบผลการค้นหาเกี่ยวกับการนัดแนะไปมีเพศสัมพันธ์มากมาย 


มีคู่รักชายชายหรือคู่รักหญิงหญิงที่ประกาศหาคนเพศเดียวกันมามีเซ็กซ์หมู่กับคู่ตัวเองเช่นกันแต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใช้พื้นที่ปนกับกลุ่มคนรักต่างเพศด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะคู่เลสเบี้ยนที่มักต้องระแวงว่าผู้ที่ติดต่อด้วยอาจเป็นผู้ชายปลอมตัวมา


ส่วน “คู่แท้” หมายถึงคู่สามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสแล้วหรือแฟนที่คบหากันมานานไม่ใช่คู่ที่เพิ่งคบหากันเพื่อการสวิงกิ้งหรือชั่วคราว คนกลุ่มนี้จะประกาศตามหาผู้ที่มีรสนิยมเดียวกันด้วยสำนวนสั้นกระชับ เช่น “หาหญิงเดี่ยวช่วยคู่” หมายถึงหาผู้หญิง 1 คนมามีเซ็กซ์กับคู่รักชายหญิง หรือ “ชายเดี่ยวหาหญิงคู่” หมายถึงผู้ชาย 1 คนหาคู่รักหญิงไบเซ็กชวลมามีเซ็กซ์


เรื่องหนึ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดคือมักเข้าใจว่าคำว่า “หญิงคู่” ที่เห็นในประกาศหาชายแปลกหน้ามามีเซ็กซ์ด้วยหมายถึงคู่เลสเบี้ยน ซึ่งในความเป็นจริงคู่ผู้หญิงที่เข้าร่วมกิจกรรมเซ็กซ์หมู่กับผู้ชายทั้งหมดคือผู้หญิงรักเพศตรงข้ามและผู้หญิงไบเซ็กชวลที่อาจเป็นเพื่อนหรือเป็นคู่ขากันชั่วครั้งชั่วคราว


ซึ่งในหมู่ผู้หญิงรักเพศตรงข้ามและผู้หญิงไบเซ็กชวลเองก็มีหลายคนที่ระบุว่าตนเป็นเลสเบี้ยนเพื่อเพิ่มราคาและความน่าสนใจ เมื่อมีคนท้วงหญิงเหล่านี้ก็มักจะอ้างว่า “กิจกรรมทางเพศไม่เกี่ยวกับรสนิยมทางเพศ” หรือ “ไม่ชอบผู้ชายไม่ได้แปลว่าซั่มกับผู้ชายไม่ได้สักหน่อย” การอ้างเช่นนี้ทำให้เลสเบี้ยนจำนวนมากเดือดร้อนเพราะพลอยทำให้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้ชายเข้าใจผิดและเชื่อว่าเลสเบี้ยนสามารถมีเซ็กซ์กับผู้ชายได้ จนนำมาซึ่งการพุ่งเป้าที่จะลวนลามหรือข่มขืนเลสเบี้ยนในวงกว้าง


คำอธิบายรูป – 1 ในรูปแบบขอ ธง Polyamory เนื่องจากธงกลุ่มนี้มีหลายแบบ หลักๆ จึงเน้นไปที่ 4 สี คือ น้ำเงิน ดำ แดง เหลือง (แต่ก็มีบางแบบที่ใช้สีชมพูแทนสีแดง สีฟ้าแทนสีน้ำเงิน สีขาวแทนสีเหลือง)


ในยุคที่ผู้คนมีแนวโน้มว่าจะมีค่านิยม Hypersexual (หมกมุ่นในเรื่องเพศ) กันมากขึ้น การมีความสัมพันธ์แบบหลายผัวหลายเมีย (Polyamory) หรือมีความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า (Hookup culture, One night stand) อาจจะถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนส่วนใหญ่ไปแล้ว แต่ความไม่ปกติที่ทำให้ผู้เขียนเลือกนำหัวข้อนี้มาเขียนคือ วิธีการล่า "ยูนิคอร์น" ที่ไม่ถูกต้องและเข้าข่ายอาชญากรรม


อย่างที่กล่าวข้างต้น การล่า "ยูนิคอร์น" คือการที่คู่รักชายหญิงชวนผู้หญิงคนนอก (มักเป็นผู้หญิงไบเซ็กชวล) เข้ามามีเซ็กซ์หมู่กับคู่ตัวเอง ซึ่งการจะหาผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาดี มีรสนิยมตรงกัน ปัญหาน้อย ไม่เรียกร้องอะไรทีหลังนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากถึงมากที่สุด 


วิธีการที่คนกลุ่มนี้ใช้ล่า "ยูนิคอร์น" มีตั้งแต่การไปประกาศแสดงความจำนงตรงๆ ตามกลุ่มของคนที่มีรสนิยมแบบเดียวกัน หรือไม่ก็ประกาศหรือส่งแต่ฝ่ายหญิงไปประกาศตามแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์หาคู่ทั่วไปอย่าง Tinder (ที่บางคู่ส่งแต่ฝ่ายหญิงไปประกาศอาจเพราะต้องการไม่ให้ผู้หญิงที่เป็นเป้าหมายรู้สึกถูกคุกคามมากไป) และเมื่ออีกฝ่ายรู้ข้อมูลหรือสนิทใจมากพอแล้วจึงค่อยมีการนัดหมายให้เจอฝ่ายชายทีหลัง


หากคู่รักชายหญิงให้เกียรติผู้หญิงที่เป็น “ยูนิคอร์น” ในฐานะ “บุคคลที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ไม่ใช่สนใจความต้องการของตัวเองและคู่ของตนเองจนละเลยความต้องการของผู้หญิงคนนอก เลือกติดต่อเฉพาะกับผู้หญิงโสดที่บรรลุนิติภาวะแล้ว, มีการแจ้งข้อมูลและวัตถุประสงค์ตามตรงโดยไม่หมกเม็ด, ไม่ปิดบังเรื่องสำคัญอย่างการมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD - Sexually Transmitted Disease), มีการระบุความต้องการและขอบเขต (Boundary) ของแต่ละฝ่ายและไม่ละเมิดขอบเขตนั้นทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการมีเพศสัมพันธ์, มีการควบคุมโรคและการป้องกันการตั้งครรภ์, ไม่หึงหวงหรือหวาดระแวงซึ่งกันและกัน, ไม่เรียกร้องผลประโยชน์เพิ่มเติมจากที่ตกลงหรือสร้างหลักฐานเพื่อข่มขู่ผู้หญิงคนนอกในภายหลัง หากคู่รักสามารถ “ล่ายูนิคอร์น” ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ทุกอย่างก็ราบรื่นไม่เกิดปัญหาและเรื่องก็จะจบลงด้วยดีตรงที่ทุกฝ่ายได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ 


แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ทุกกรณีที่จะจบอย่างสวยหรูตามอุดมคติ


คำอธิบายรูป – เหตุเกิดในรัสเซีย ภรรยาทำทีเป็นเข้าไปช่วยเหลือเด็กหญิงอายุ 8 ปีที่มีปัญหากับพ่อแม่จนเด็กเกิดความไว้ใจแล้วยอมมาอยู่ด้วยจากนั้นก็บังคับเด็กให้สามีข่มขืน (https://board.postjung.com/1327262)


มีคู่รักชายหญิงจำนวนมากเลือกที่จะใช้วิธีหมกเม็ด อำพราง ล่อลวงเพื่อให้ได้ของเล่นทางเพศเพื่อสนองตัณหาของฝ่ายชายซึ่ง “ยูนิคอร์น” ที่ได้มาด้วยวิธีเช่นนี้อย่าว่าแต่การมีเซ็กซ์หมู่เลยฝ่ายหญิงแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์ทางเพศกับเหยื่อด้วยซ้ำ หรือพูดง่ายๆ สิ่งที่คู่รักเหล่านี้ทำคือ “การหลอกผู้หญิงมาให้ผัวปล้ำ” คู่รักเช่นนี้มักไม่เห็นว่า “ยูนิคอร์น” เป็น “บุคคล” แต่มองว่าเป็น “วัตถุทางเพศ” ที่มีไว้ให้ฝ่ายชายบำบัดความใคร่ ไม่ได้เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจที่สมควรปฏิบัติด้วยอย่างให้เกียรติและพร้อมเขี่ยทิ้งได้ทันทีเมื่อเสร็จกามกิจแล้ว


ผู้หญิงคนนอกที่ถูกคู่รัก “ล่ายูนิคอร์น” อย่างผิดกฎหมายมาให้ฝ่ายชายข่มขืนนั้นมีหลากหลายวัยและสถานะ มีทั้งนักเรียน นักศึกษา คนรู้จัก เพื่อนร่วมงาน เพื่อนบ้าน เด็กเล็กๆ ที่วิ่งเล่นข้างบ้าน หรือแม้กระทั่งลูกหลานของตัวคู่รักเอง เชื่อว่าผู้อ่านคงเคยเห็นข่าวการหลอกลวงข่มขืนเช่นนี้ผ่านตากันมาบ้าง


แต่ตอนนี้การล่า “ยูนิคอร์น” ไม่ได้จำกัดเหยื่อที่อยู่แค่ในกลุ่มคนรักต่างเพศเท่านั้น การล่า “ยูนิคอร์น” ลุกลามมาถึงกลุ่มเลสเบี้ยนและหญิงไบเซ็กชวลที่เน้นคบแต่ผู้หญิง (Bisexual prefer woman) ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนรักต่างเพศโดยตรง บทความนี้จึงขอพูดถึงเรื่องการหลอกลวงเลสเบี้ยนและหญิงไบเซ็กชวลที่เน้นคบผู้หญิงเป็นหลัก 


คำอธิบายรูป – ข่าวคู่รักชายหญิงให้ฝ่ายหญิงเข้าไปในแอปฯ หาคู่ชื่อดังเพื่อหลอกเลสเบี้ยนมาเดตด้วย แต่สุดท้ายก็ลวงมาบังคับให้มีเซ็กซ์หมู่กับแฟนที่เป็นผู้ชายและเมื่อไม่ยอมทั้งคู่ก็ร่วมมือกันฆ่าหั่นศพเลสเบี้ยน ฝ่ายชายอ้างว่าเลสเบี้ยนที่ถูกหลอกมาสมยอมมีเซ็กซ์หมู่แบบวิตถารกับตนจนพลาดถูกรัดคอตายระหว่างมีเซ็กซ์ไม่ได้เป็นการฆาตกรรม (link ข่าวอยู่ตรงส่วนอ้างอิงท้ายบทความ)


หนึ่งในช่องทางที่คู่รักชายหญิงที่ฝ่ายชายต้องการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเลสเบี้ยนใช้หาเหยื่อคือการส่งฝ่ายหญิงไปเป็น “นกต่อ” ประกาศหาคู่ตามสังคมออนไลน์หรือแอปฯ หาคู่สำหรับผู้หญิง เช่น Her ที่มีแต่เลสเบี้ยนและผู้หญิงไบเซ็กชวลที่เน้นคบผู้หญิงใช้ 


คู่รักฝ่ายหญิงจะทำโปรไฟล์หลอกให้ผู้ใช้แอปฯ ทั่วไปเห็นและเข้าใจว่าฝ่ายหญิงเป็น “ผู้หญิงโสดที่เข้ามาหาผู้หญิงโสดเพื่อมีความสัมพันธ์ด้วย” ซึ่งเหยื่อที่สนใจก็จะเข้ามาปฏิสัมพันธ์กับคู่รักฝ่ายหญิงโดยหารู้ไม่ว่า “หญิงโสด” ที่ตัวเองกำลังคุยอยู่ไม่ใช่ทั้งไบเซ็กชวลและเลสเบี้ยนแต่เป็นผู้หญิงที่มีแฟนผู้ชายหรือมีสามีแล้ว


เมื่อคู่รักฝ่ายหญิงและเหยื่อคุยกันสนิทพอจนถึงมีการนัดเจอ สิ่งที่คู่รักเช่นนี้จะกระทำมีหลายแบบ บ้างก็ให้ฝ่ายหญิงไปเดตกับเหยื่อเพื่อสร้างความสนิทสนมก่อนโดยที่ฝ่ายชายดูอยู่ห่างๆ เมื่อเริ่มสนิทกันแล้วในการเดตครั้งต่อๆ ไปจึงค่อยพาฝ่ายชายมาเปิดตัว หรือบางคู่รักที่ใจกล้าหน้าด้านหน่อยก็จะพาฝ่ายชายมาเปิดตัวตั้งแต่การนัดเดตครั้งแรก แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็มักจะจบลงตรงที่คู่รักฝ่ายหญิงแจ้งกับเหยื่อตรงๆ ในตอนนั้นว่า “จริงๆ แล้วฉันไม่ได้อยากคบหาเป็นแฟนกับเธอแต่ฉันอยากชวนเธอมาซั่มกับแฟนฉัน”


ถึงจะเป็นเรื่องน่าผิดหวัง ชวนเจ็บปวด และทำให้เสียเวลา แต่อย่างน้อยคู่รักที่หลอกเหยื่อมาเดตแล้วบอกความจริงในนาทีสุดท้ายก็ยังเปิดโอกาสให้เหยื่อได้ปฏิเสธ แต่ยังมีคู่รักจำนวนมากไม่เปิดโอกาสให้เหยื่อได้ปฏิเสธ


คู่อธิบาย – ไม่ใช่แค่คู่รักชายหญิงที่ “ล่ายูนิคอร์น” มีคู่รักชายชายที่หลอกเหยื่อผู้หญิงมามีเซ็กซ์หมู่แล้วฆาตกรรมเช่นกัน แต่จากรายละเอียดของข่าว ผู้หญิงที่เป็นเหยื่อระบุว่าตัวเองเป็นเลสเบี้ยนก็จริงแต่เพื่อนเธอให้ข้อมูลว่า ตอนเมาเธอชอบอ่อยผู้ชาย ทำให้ได้ทำความรู้จักกับคู่รักฆาตกรแล้วโดนหลอกพาไปฆ่าในที่สุด โดยพฤติกรรมจึงน่าจะนับเป็นไบเซ็กชวลมากกว่า (link ข่าวอยู่ตรงส่วนอ้างอิงท้ายบทความ)


สิ่งที่คู่รักเหล่านั้นทำคือให้ฝ่ายหญิงทำทีเป็นนัดเหยื่อมาเพื่อเดตกันในที่ลับตาคนหรือมามีเซ็กซ์กัน 2 ต่อ 2 เหยื่อที่หลงกลก็จะไปตามนัดเพื่อพบว่าที่นั่นนอกจากสาวคนที่ตัวเองกำลังคุยกลับมีผู้ชายอีกคนอยู่ด้วย จากนั้นทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงก็ร่วมมือกัน “ปิดประตูตีแมว” ลงมือเผด็จศึกเหยื่อตามแผนที่วางไว้โดยที่เหยื่อไม่อาจร้องขอความช่วยเหลือจากใคร 


สิ่งที่คู่รักเหล่านี้กระทำมีตั้งแต่หลอกเหยื่อมาถึงที่แล้วล็อกประตูให้ฝ่ายชายใช้กำลังข่มขืนเหยื่อโดยฝ่ายหญิงคอยระวังรอบๆ ให้จนกว่าฝ่ายชายจะเสร็จกิจ หรือให้ฝ่ายหญิงหลอกเหยื่อมากินเหล้า ยานอนหลับ หรือ ยาปลุกเซ็กซ์ จนเหยื่อไม่มีสติมากพอจะขัดขืนแล้วค่อยให้ฝ่ายชายออกมาข่มขืนหรือมีเซ็กซ์หมู่ ที่เลวร้ายกว่านั้นบางคู่มีการถ่ายคลิปไว้แบล็กเมล์เหยื่อเพื่อเรียกร้องทรัพย์สินหรือข่มขู่เหยื่อให้ยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วยในครั้งต่อไป หรือเอาคลิปไปอัปโหลดตามกลุ่มลับหรือเว็บโป๊เพื่อหารายได้อีกต่อ หรือเมื่อฝ่ายชายเสร็จกิจแล้วมีการโทรตามคนรู้จักมาลงแขกเหยื่อเพื่อ “แบ่งปัน” 


เมื่อเลสเบี้ยนโดยเฉพาะบุชเลสเบี้ยน (Butch Lesbian – หญิงรักเพศเดียวกันที่มีบุคลิก, ลักษณะภายนอก, การแต่งตัวค่อนไปทางเพศชาย (Masculine) หรือที่คนไทยเรียกว่า “ทอม”) โดนผู้หญิงด้วยกันหลอกมาให้ผู้ชายข่มขืนจะเกิดความรู้สึกขยะแขยง, อับอาย, เกิดบาดแผลในใจมากกว่ากรณีของเหยื่อข่มขืนที่เป็นผู้หญิงรักต่างเพศหรือผู้หญิงไบเซ็กชวลที่เน้นคบหาเพศชาย มีเหยื่อที่เป็นบุชเลสเบี้ยนน้อยมากที่จะกล้าออกมาแจ้งความเอาผิดกับฝ่ายชายหรือคู่รักที่วางแผนหลอกตัวเอง


คำอธิบายรูป – โปรไฟล์หนึ่งของคู่รักนักล่ายูนิคอร์นในแอปฯ หาคู่ การเรียกยูนิคอร์นว่าของเล่น (toy) แสดงให้เห็นถึงทัศนคติของคู่รักคู่นี้ว่ามองยูนิคอร์น (ผู้หญิง) เป็นแค่ของเล่นทางเพศ


หากถามว่า “ทำไมคู่รักบางคู่ถึงเจาะจงหลอกเลสเบี้ยนหรือหญิงไบเซ็กชวลที่เน้นคบผู้หญิงทั้งที่เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนรักต่างเพศ ทำไมไม่ไปหาหญิงที่มีรสนิยมตรงกัน” 


คำตอบคือ คู่รักเหล่านี้มักเป็นพวกเหยียดเพศหญิงและเหยียดเลสเบี้ยน (Lesbophobia) พวกเขามักให้ความสำคัญต่อการตอบสนองต่อความต้องการทางเพศของผู้ชายเป็นหลักและมักเป็นพวกที่เชื่อตาม “ตรรกะหนังโป๊” (Porn Logic) ว่า“เลสเบี้ยนคือการที่ผู้หญิง 2 คนเล่นกันเพื่อโหมโรงให้ผู้ชายคึกแล้วกระโดดเข้ามาเอาลึงค์เสียบทั้งคู่” หรือ “ผู้หญิงนัวเนียกันเองจะไปสนุกอะไร ถ้าไม่มีลึงค์มาร่วมเพศก็เท่ากับแค่เล่นกันเองแก้ขัดไม่เรียกว่ามีเซ็กซ์” 


พวกเขามักมองว่าเลสเบี้ยนเป็นวัตถุทางเพศเหมือนที่ได้เรียนรู้จากหนังโป๊และเชื่อว่าเลสเบี้ยนไม่มีอยู่จริงเพราะ “ลึกๆ แล้วผู้หญิงทุกคนชอบผู้ชาย ที่มาคบกับผู้หญิงด้วยกันเพราะหาผู้ชายไม่ได้เลยคบกันเองเพื่อยั่วยวนให้ผู้ชายสนใจ” ทั้งยังเชื่อฝังหัวว่าผู้หญิงทุกคนต้องชอบลึงค์ ต่อให้เป็นผู้หญิงที่บอกว่า “ไม่ชอบผู้ชาย” แต่เมื่อโดนลึงค์สอดเข้าไปก็เปลี่ยนใจมาชอบผู้ชายทั้งนั้น ทั้งหลายเหล่านี้เป็นชุดความคิดที่เป็นภัยต่อสังคมและเข้าข่าย “ตรรกะหนังโป๊” ทั้งสิ้น (หากมีโอกาสผู้เขียนจะเขียนอธิบายหัวข้อนี้เพิ่มในบทความ Lesbophobia)


คำอธิบายรูป – ตัวอย่างความคิดเห็นของชายคนหนึ่งที่คิดว่าการข่มขืนเลสเบี้ยนไม่ผิดเพราะรสนิยมของเลสเบี้ยนยืดหยุ่นได้


ผู้ชายที่มีชุดความคิดเช่นนี้บางรายอาจจบที่แค่คิดอย่างเดียวแต่บางรายลงมือกระทำจริงเมื่อสบโอกาสและบางรายมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะข่มขืนเลสเบี้ยนให้ได้ 


พวกเขาจะหาทางเข้าหาเลสเบี้ยนหรือผู้หญิงไบเซ็กชวลที่เน้นคบผู้หญิงทั้งที่รู้ว่าผู้หญิงกลุ่มนี้ไม่ชอบผู้ชายเพราะพวกเขาตั้งใจจะข่มขืนพวกเธอเพื่อเปลี่ยนให้พวกเธอกลับมาเป็นผู้หญิงรักเพศตรงข้าม (Correction Rape) ผู้ชายที่คิดเช่นนี้ทำทุกอย่างเพื่อสนองอีโก้ของตนและไม่ได้มองว่าเลสเบี้ยนเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจและมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ พวกเขาจึงสามารถข่มขืนหรือทำร้ายร่างกายเลสเบี้ยนโดยเฉพาะบุชเลสเบี้ยนได้โดยไม่รู้สึกผิด ซ้ำยังภูมิใจในความเป็นชายของตนมากขึ้นที่ได้ใช้ลึงค์ “เอาชนะ” และแสดงอำนาจเหนือผู้หญิงที่ไม่ชอบผู้ชายหรือผู้หญิงที่เก่งหรือเข้มแข็งจนทำให้ผู้ชายเหล่านั้นเกิดความหมั่นไส้

 

ส่วนผู้หญิงที่เห็นดีเห็นชอบกับผู้ชายที่มีความคิดเช่นนี้ก็มักจะเป็นผู้หญิงแบบที่เฟมินิสต์ชาวต่างชาติเรียกว่า “หญิงรับใช้” (Handmaiden) ซึ่งหมายถึงผู้หญิงที่อุทิศตัวเป็นสาวกผู้รับใช้ที่ดีต่อลัทธิชายเป็นใหญ่ พูดง่ายๆ คือผู้หญิงที่ถือคติ “ผัวกูดีที่สุด” หรือ “ผัวกูถูกทุกอย่าง” เรียกว่าต่อให้ผู้ชายทำเรื่องเลวร้ายอย่าง ปล้น, ฆ่าคน, ข่มขืน, เป็นอันธพาลหรือโจร ผู้หญิงเหล่านี้ก็พร้อมจะเข้าข้างผู้ชาย ยินดีช่วยปิดบังความผิดและหาเหตุผลให้ผู้ชายเป็นฝ่ายถูกได้เสมอ รวมถึงหากผู้ชายอยากได้อะไรหญิงเหล่านี้ก็พร้อมหามาใส่พานถวายราวกับว่านั่นคือบัญชาจากสวรรค์แม้ว่านั่นอาจหมายถึงการบูชายัญด้วยชีวิตของผู้หญิงอื่น


ผู้หญิงเหล่านี้จึงสามารถช่วยหาโอกาสให้ผู้ชายของตนได้ข่มขืนผู้หญิงอื่นหรือแก้แค้นผู้หญิงที่ตนไม่ชอบ ทำหน้าที่เป็น “นกต่อ” หลอกลวงหญิงอื่นเข้ามาให้ผู้ชายข่มขืนได้โดยไม่รู้สึกผิด ซ้ำบางคนเห็นว่าการข่มขืนเป็นการสร้างความสุขและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ชายของตนได้อย่างยิ่งยวดก็ยิ่งสนับสนุนในการหาเหยื่อให้ มากไปกว่านั้นบางคนยังเชื่อว่าการข่มขืนเลสเบี้ยนเป็นการทำบุญช่วยเหลือสังคมอย่างหนึ่งเพราะการเป็นเลสเบี้ยนถือเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติจึงเป็นหน้าที่ของผู้ชายที่จะต้องข่มขืนเพื่อ “เปลี่ยน” เลสเบี้ยนเหล่านั้น



คำอธิบายรูป – ส่วนหนึ่งของความคิดเห็นจากข่าว “ทอม” ถูกสามีของผู้หญิงที่เป็นชู้ด้วยลวงไปข่มขืน จะเห็นได้ว่าคนเหล่านี้ยังมีความคิดที่เหยียดเพศทั้งยังส่งเสริมการข่มขืนทอมและเลสเบี้ยน คนกลุ่มนี้มองเลสเบี้ยนเป็นศัตรูหรือสิ่งมีชีวิตที่ต่ำกว่าเพียงเพราะเลสเบี้ยนไม่ได้ชอบเพศชาย 


วกกลับมาที่ข่าวตอนต้นบทความ แม้จะมีหลายอย่างที่ดูน่าสงสัยแต่ผู้เขียนก็ยังไม่อาจสรุปได้ว่าสาวหล่อในคดีนี้คือเหยื่อที่เกิดจาก “การล่ายูนิคอร์น” ของสามีภรรยาคู่นั้นหรือไม่ แต่ข้อมูลที่ชัดเจนในตอนนี้คือฝ่ายชายในข่าวมีความสัมพันธ์ทางเพศกับสาวหล่อด้วยการบังคับข่มขืนจริง แต่ความคิดเห็นของคนจำนวนมากบนอินเทอร์เน็ตก็ยังเข้าข้างฝ่ายชายพร้อมทั้งถากถางซ้ำเติมสาวหล่อผู้เป็นเหยื่อจากการข่มขืน (Victim Blaming) และแน่นอนว่าเพราะเหยื่อเป็น “ทอม” คนเหล่านั้นเลยพร้อมใจกันสาดวลีเหยียดเพศใส่เหยื่อด้วยความสะใจ โดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่แยกแยะเลยว่าการคบชู้ของสาวหล่อเป็นเรื่องที่ผิดจริงแต่เป็นคนละเรื่องกับการที่สาวหล่อถูกข่มขืนและถูกบังคับให้อยู่กินอย่าง 3 ผัวเมียโดยไม่เต็มใจ 


นี่จึงนับเป็นคดีที่เกิดจากการเหยียดเพศหญิงและเหยียดเลสเบี้ยน เพราะหากชู้ของภรรยาเป็นผู้ชายไม่ใช่สาวหล่อ ฝ่ายสามีคงไม่เลือกใช้วิธีข่มขืนแล้วบังคับให้ชู้ของเมียมาเป็นเมียน้อยของตัวเองแน่ๆ


ในประเทศที่ลัทธิชายเป็นใหญ่และแนวคิดเหยียดเพศหญิงเบ่งบานฝังรากลึก สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นเหล่านี้ถือเป็น “เรื่องปกติ” ในสายตาของคนทั่วไปและยากที่เหยื่อที่เป็นเพศหญิงจะได้รับความเป็นธรรมทั้งทางกฎหมายและทางสังคม 


ผู้เขียนทำได้แค่เขียนบทความนี้เพื่อเตือนภัยผู้หญิงโดยเฉพาะเลสเบี้ยนและผู้หญิงไบเซ็กชวลที่เน้นคบผู้หญิง ว่าต่อให้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับชายหญิงที่รักต่างเพศเลยแต่คู่รักชายหญิงเหล่านั้นมีหลายคู่ที่เห็นเลสเบี้ยนหรือหญิงไบเซ็กชวลที่เน้นคบผู้หญิงเป็นของเล่นและวัตถุทางเพศ แถมพวกเขายังสามารถวางแผนล่อลวงเลสเบี้ยนไปข่มขืนได้โดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย  


สมัยนี้ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงไม่ว่าจะรักเพศตรงข้ามหรือรักเพศเดียวกันและไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหนก็สามารถตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพหรือโจรข่มขืนได้ทั้งนั้น การทำความรู้จักเพื่อนใหม่ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือในออนไลน์จึงต้องระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการนำตัวเองไปสู่สถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงอย่างการนัดพบคนแปลกหน้าตามลำพังในสถานที่ลับตาคน การนัดพบควรนัดในเวลาที่ปลอดภัยอย่างช่วงกลางวัน, ในที่ที่มีคนพลุกพล่านเพื่อที่จะสามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ เมื่อต้องนัดพบกับใครควรบอกให้คนที่ไว้ใจได้เช่น คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทรู้ว่าจะไปพบใครที่ไหนแล้วจะติดต่ออีกฝ่ายได้อย่างไร เผื่อเกิดกรณีเลวร้ายขึ้นมาครอบครัวและเพื่อนจะได้มีเบาะแสในการหาทางช่วยเหลือ


และต่อให้คนที่คุยด้วยและนัดพบเป็นผู้หญิงหรือแม้จะเป็นเพื่อนที่เราคิดว่ารู้จักดีก็อย่าประมาท เพราะเราไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือผู้หญิงที่มีเจตนาบริสุทธิ์จริงหรือเป็นแค่ “นกต่อ” ที่จะล่อลวงเราไปให้คนอื่นปล้น ฆ่า หรือมาล่า “ยูนิคอร์น”


คำอธิบายรูป - ข่าวคู่รักล่อลวงเหยื่ออายุ 11 ปีมาเข้าร่วมกิจกรรมทางเพศโดยการมีเพศสัมพันธ์ต่อหน้าเด็กแล้วพยายามดึงเด็กให้เข้าร่วม (link ข่าวอยู่อ้างอิงท้ายบทความ)


อ้างอิงบทความ รูป และตัวอย่างข่าว

https://www.unicorns-r-us.com/

https://www.thesun.co.uk/fabulous/5055353/what-is-unicorn-hunting/

https://www.businessinsider.com/why-unicorn-hunting-in-polyamorous-relationships-isnt-a-good-idea-2017-11

https://www.vogue.in/culture-and-living/content/unicorn-hunting-how-bisexual-women-are-fetishised-on-dating-apps-in-india

https://www.polyphilia.blog/home/unicorn-hunting

https://livewire.thewire.in/gender-and-sexuality/unicorn-hunting-tinder-married-couples/

https://www.quora.com/Where-and-how-can-I-find-a-woman-for-a-threesome-with-my-boyfriend-and-me

https://buffalonews.com/news/couple-accused-of-trying-to-lure-girl-11-into-sex-act/article_d5491202-2dc9-5774-85bc-186d3867f70f.html

https://www.thesun.co.uk/news/11653246/couple-lure-stranger-threesome-raped-her-refused/

https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2550136

https://pixabay.com/images/id-5151135/

https://polyinthemedia.blogspot.com/2019/10/a-new-polyam-flag-that-fits.html

https://www.reddit.com/r/polyamory/comments/hp266y/is_there_a_subreddit_for_artwork_featuring/

https://board.postjung.com/1327262

https://www.pinknews.co.uk/2018/06/13/woman-killed-tinder-boyfriend-sydney-loofe/?fbclid=IwAR3MTRii3G4ZDdX2hAP_ZZkiEWChehVybJB22TQHnlkrpmv8Y4j18kYyHmA

https://www.pinknews.co.uk/2020/11/09/julia-rawson-murder-couple-nathan-maynard-ellis-david-leesley-dudley-west-midlands-murder-lesbian/?fbclid=IwAR136EaPzDe0nltSmA_s3qCtVD4tYGw496qkK1qVdWashiGrwPS28UzyxNw



วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ปกส่งท้าย comico

 


#delvento คำส่งท้ายที่ comico : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/259

...

ถึงผู้อ่านทุกท่าน


ขณะที่เขียนข้อความนี้ผู้เขียนเพิ่งได้ทราบข่าวที่น่าตกใจ เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับคนรู้จัก


สำหรับผู้ที่ติดตามงานของผู้เขียนมานานอาจสังเกตเห็นว่างานของผู้เขียนจะหยิบประเด็นที่ผู้เขียนสนใจในช่วงเวลานั้นๆ ขึ้นมานำเสนอ เช่น ซีรีส์ของกฤติยาคือการพูดถึงปัญหาสังคมโดยภาพรวมผ่านตำรวจกับคดีอาชญากรรม, Dying Symphony คือการพูดถึงความตายและความหมายของชีวิตผ่านสงครามและความขัดแย้ง


งานชิ้นล่าสุด เรื่อง Del Vento คืองานที่ผู้เขียนต้องการเขียนเพื่อ “ผู้หญิงที่อยู่ในสังคมที่เหยียดเพศหญิง” ผ่านตัวละครหญิงสถานะต่างๆ และการ “เลือก” ของพวกเธอ ผ่านเรื่องราวของ “ลอเร็ตโต้ รี้ด” หญิงสาวที่ต้องดิ้นรนอยู่ในวงการแก๊งสเตอร์โดยที่เธอไม่ใช่ทั้ง “เมีย” และ “โสเภณี” 


ตอนเริ่มโพรเจกต์นี้ผู้เขียนทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าในสังคมที่เหยียดเพศหญิง งานที่มี “ผู้หญิง” เป็นศูนย์กลางและยิ่งเป็น “ผู้หญิงที่ไม่ตรงตามมาตรฐานของสังคมชายเป็นใหญ่” ยิ่งยากที่จะประสบความสำเร็จ ผู้เขียนเริ่มโพรเจกต์นี้โดยแทบไม่บอกรายละเอียดอะไรแก่นักอ่านเลยเพราะต้องการให้นักอ่านแสดงความคิดเห็นที่แท้จริงออกมาให้มากที่สุดเพื่อสะท้อนภาพสังคมที่เราอยู่ ผู้เขียนประเมินปฏิกิริยาของผู้อ่านไว้คร่าวๆ แล้วแต่ก็ยังพยายามมองโลกในแง่ดีอยู่ว่า “ยุคนี้การเหยียดเพศคงไม่รุนแรงเท่ายุคก่อนหรอก” แต่เปล่าเลย...ทุกอย่างเป็นไปตามกรณีเลวร้ายสุดที่ผู้เขียนคาดไว้


ช่วงแรกทั้งผู้เขียนและตัวละคร “ลอเร็ตโต้ รี้ด” เจอการเหยียดเพศอย่างรุนแรงมาก นักอ่านมากมายเกลียดชังงานของผู้เขียนและหลายคนพูดชัดเจนว่าอยากให้ผู้เขียนเปลี่ยนแปลงเพศ “รี้ด” ให้เป็นชายเพราะพวกเขาต้องการตัวเอกเพศชายเท่านั้น นักอ่านโดยเฉพาะนักอ่านหญิงไม่อยากอ่านเรื่องที่ผู้หญิงเป็นตัวนำเพราะพวกเขาเชื่อว่าเพศหญิงไม่มีทางเก่งหรือฉลาดพอที่จะเป็นตัวเอก (ในขณะที่นักอ่านชายหลายท่านกลับอ่านงานเรื่องนี้แล้วฟีดแบ็กแง่บวกกลับมาหาผู้เขียนโดยไม่ติดขัดว่าผู้หญิงเป็นตัวเอก) ช่วงนั้นผู้เขียนร่วมต้องรับทั้งอีเมลและข้อความด่าทอหยาบคายและรุนแรงไปถึงการ sexual harassment ด้วยการส่งรูปถ่ายอวัยวะเพศชาย (dick pic) มาเพื่อบุลลี่กดดันให้ผู้เขียนเปลี่ยนแปลงเพศตัวละครหรือเปลี่ยนเนื้อเรื่องให้เป็นอีโรติก-มาเฟียชายหญิงตามที่พวกเขาต้องการ 


หากเข้าไปอ่านความคิดเห็นของผู้อ่านช่วงตอนแรกๆ ของ Del Vento ที่ comico ผู้อ่านจะพบความคิดเห็นที่เหยียดเพศเหล่านั้น แม้ความคิดเห็นที่หยาบคายบางส่วนจะโดนลบไปแล้วแต่ผู้อ่านยังสามารถเห็นเค้าความคิดเห็นเชิงเหยียดเพศของนักอ่านส่วนใหญ่ได้อยู่ นี่คือหลักฐานที่ผู้เขียนใช้งานเรื่องนี้ดึงขึ้นมาให้เห็นว่า “การเหยียดเพศในสังคมบ้านเรายังมีอยู่จริง” ขนาดแค่ในการ์ตูนที่เป็นเรื่องสมมตินักอ่านโดยเฉพาะนักอ่านหญิงจำนวนมากยังต่อต้านการที่จะตัวละครเพศหญิงจะมีบทบาทสำคัญโดยไม่อิงกับตัวละครชาย (ที่ใช้คำว่า “ต่อต้าน” เพราะหากแค่ไม่ชอบคงแค่ไม่อ่านแล้วปล่อยผ่าน คงไม่มีปฏิกิริยารุนแรงถึงขนาดต้องหาทางทำลายเช่นนี้)


*การที่ตัวละครเป็น lgbt ผู้เขียนตอบได้เลยว่าไม่ใช่ประเด็น เพราะหากตัวละครเป็นชายต่อให้เป็น lgbt ผู้อ่านก็ยอมรับได้หรือจะเป็นที่นิยมในกลุ่มนักอ่านหญิงมากขึ้นด้วยซ้ำ หรือหากจะบอกว่า “นักอ่านหญิงต้องการอ่านแต่เรื่องที่ตัวเอกมีแรงดึงดูดทางเพศกับตัวเองถึงอยากอ่านเรื่องที่ตัวเอกเป็นชาย” นั่นคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้า เพราะแปลว่านักอ่านหญิงจำนวนมากไม่เปิดกว้างขนาดอ่านงานที่ตัวเอกไม่มีแรงดึงดูดทางเพศต่อตัวเองได้ในขณะที่นักอ่านชายสามารถอ่านเรื่องที่ตัวเอกไม่มีแรงดึงดูดทางเพศต่อตนได้ตลอด หากมีโอกาสผู้เขียนจะเขียนบทความเรื่อง lesbophobia (การเหยียดหญิงรักเพศเดียวกัน) ว่ามีรายละเอียดต่างจาก homophobia (การเหยียดคนรักเพศเดียวกัน) โดยทั่วไปอย่างไร)


ในสังคมชายเป็นใหญ่ การเขียนตัวละครชายเป็นตัวนำหรือเขียนงานที่ยกย่องเพศชายเป็นการรับประกันความสำเร็จไปแล้วกว่า 80% นี่เป็นเรื่องที่ผู้เขียนรู้ดีและผู้เขียนก็รู้ด้วยว่าจะเขียนงานอย่างไรให้ถูกใจกลุ่มผู้อ่านส่วนใหญ่ที่มีค่านิยมแบบนี้ แต่ปัจจุบันมีสื่อบันเทิงที่เหยียดเพศหญิงถูกผลิตขึ้นมาจำหน่ายให้กับผู้อ่านมากมายอยู่แล้ว ผู้เขียนคงไม่จำเป็นต้องเขียนงานแนวนั้นเข้าไปเพิ่ม


ความเป็นเพศหญิงของ “ลอเร็ตโต้ รี้ด” คือหัวใจสำคัญของเรื่อง Del Vento หากเปลี่ยนเธอให้เป็นชายเรื่องราวที่เธอพบทั้งหมดจากการที่เธอเป็นเพศหญิงก็จะไม่เกิดและเรื่องนี้จะกลายเป็นแนวโรแมนซ์มาเฟียทั่วไป ใช่...มันอาจจะทำให้งานชิ้นนี้ประสบความสำเร็จและเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้อ่านวงกว้าง แต่มันจะกลายเป็นแค่งานที่ส่งเสริมค่านิยมเหยียดเพศหญิงอีกชิ้นหนึ่ง ไม่ใช่งานที่ผู้เขียนเขียนเพื่อ “ผู้หญิง” ตามที่ตั้งโจทย์ไว้อีกแล้ว


ผู้เขียนอยากเขียน Del Vento เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้หญิง อยากให้พวกเธอรู้ว่าแม้การที่ผู้หญิงอยู่ในโลกที่เหยียดเพศหญิงมันน่ากลัวแต่ทุกคนสามารถต่อสู้ดิ้นรนเอาตัวรอดได้หากมีสติและไม่ยอมแพ้ มันคงดีกว่าการปฏิเสธไม่รับรู้โลกแบบที่มันเป็นจริงๆ มองทุกอย่างในแง่ดีเกินไปจนประมาทเปิดโอกาสให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับชีวิต หรือวาดฝันว่าสักวันจะมีเจ้าชายมาให้พึ่งพาแล้วปล่อยเวลาให้ผ่านเลยจนลืมที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ณ ปัจจุบัน 


ผู้เขียนมีแม่, น้องสาว, หลานสาว, ญาติผู้หญิง, เพื่อนและคนรู้จักที่เป็นหญิงอีกมากมาย ผู้เขียนจึงอยากให้ผู้หญิงทั้งที่ผู้เขียนรู้จักหรือไม่รู้จักสามารถพึ่งพาตัวเองได้, รักและรู้จักคุณค่าของตัวเอง, กล้าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง, กล้าปฏิเสธสิ่งเลวร้ายที่คนอื่นพยายามยัดเยียดให้, ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบไม่ว่าจะในเรื่องสถานะ ความสัมพันธ์ หรืออื่นๆ, กล้าให้กำลังใจและเลิกเหยียดผู้หญิงด้วยกัน ทั้งยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย


แม้งานของผู้เขียนจะไม่มีคุณค่าในสายตานายทุนและผู้เขียนเองก็ไม่ได้มีอิสระทางการเงินขนาดจะเขียนอะไรก็ได้ตามใจชอบโดยไม่สนตลาด อาจมีสักวันที่งานต่อๆ ไปของผู้เขียนจะต้องเอาใจตลาดมากขึ้น แต่ผู้เขียนก็จะพยายามคงจุดยืนในการไม่เขียนงานที่เหยียดเพศหญิงเพื่อแลกกับความสำเร็จ เพราะการทำแบบนั้นก็เท่ากับผู้เขียนได้เปลี่ยนงานที่ตัวเองรักให้กลายเป็นงานที่ตัวเองเกลียด 


ผู้เขียนเคยให้สัญญากับอาจารย์ที่เคารพว่าจะเขียนเรื่อง Del Vento  นี้ให้จบฉะนั้นผู้เขียนจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ Del Vento ได้เดินทางต่อแม้จะมีนายทุนหรือไม่ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านสำหรับการสนับสนุนที่ผ่านมาและต่อไป


7 ตุลาคม 2565

Devilray


หมายเหตุ

นอกจาก “เรื่องไม่คาดคิด” ที่ผู้เขียนเจอล่าสุด ในช่วง 5 ปีที่เขียน Del Vento นี้มีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายเกิดขึ้นรอบตัวผู้เขียน เรื่องร้ายคือสถานการณ์เลวร้ายที่สุดสำหรับผู้หญิงที่ผู้เขียนเคยใส่ไว้ใน Del Vento รวมถึงประเด็นทางสังคมที่ผู้เขียนเคยหยิบยกมาเขียนบทความได้เกิดขึ้นกับผู้อ่านบางท่านและคนที่ผู้เขียนรู้จัก ผู้เขียนคงไม่อาจเข้าใจความเจ็บปวดของพวกเธอได้ทั้งหมด ผู้เขียนได้แต่หวังว่าพวกเธอจะ “เลือก” รักตัวเองและสามารถเอาชนะสิ่งเลวร้ายเหล่านั้น 


ส่วนเรื่องดีคือผู้เขียนได้รับข้อความขอบคุณจากผู้อ่านหลายท่านว่าผลงานของผู้เขียนเป็นประโยชน์และช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ สำหรับผู้เขียนการที่งานของตัวเองช่วยต่อยอดความคิดให้กับผู้อ่านได้นอกเหนือจากความสนุกคือสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนดีใจมากที่สุด คำติชมเหล่านี้ถือเป็นแรงขับดันอันสำคัญที่ทำให้ผู้เขียนและผู้เขียนร่วมยังมีไฟในการสร้างงานและเขียนบทความต่อไป ผู้เขียนจึงขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ส่งความคิดเห็นและกำลังใจให้กันตลอดมา ณ ที่นี้

...
...
...
...
...
ยาวเน้อะ

ใครอ่านจบบ้าง... ยกมือหน่อย...

เรื่องแรก... ในส่วนงานที่ลงใน comico จะมีถึงตอน 250 นะคะ เมื่อหมดสัญญาแล้วแอดมินจะย้ายไปไว้ที่ readawrite ทั้งหมดรวมทั้งตอนต่อด้วย (แต่ราคาจะไม่เหมือนกับใน comico นะคะ) 

ใครที่มีปัญหาที่แอพ comico อย่าง เติมเหรียญไม่ได้ ซื้อตอนแล้วไม่ได้ เช่าแต่ได้ไม่ถึง 8 วัน ซื้อแล้วเจอกินเหรียญเกินราคาที่ตั้งไป ภาพซ้อน ภาพไม่โหลด แอพล่ม โปรดติดต่อกับแอดมินของเพจ comico thailand เลยนะคะ ตอนนี้แอดมินไม่ได้เป็นนักเขียนของที่นั่นแล้วไม่สามารถเคาะไปบอกทีมงานให้ตรวจสอบแก้ไขเร่งด่วนให้ได้แล้วนะคะ 

โครงการของ Del Vento ที่จะทำต่อ ใช่แล้ว... ตอนต่อ (หลังจากแอดมินกับนักเขียนไปพักยาว นั่งอู้ นอนอืดเป็นเมือกแหมะนิ่งๆ มาหลายอาทิตย์ ตอนนี้เริ่มมีแรงแล้ว เกมไดโบ อิมเมอร์ทัล ตัวละครก็เวล 60(170) แล้ว เอ๊ะ! กลับมาจริงจัง)
- ตอนต่อตั้งแต่ 250 เป็นต้นไปจนจบจริงๆ
- ตอนพิเศษ
- พวกของที่ระลึกที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำสักที อย่างเช่น สติ๊กเกอร์ไลน์
- ยกเครื่องตอน 1-250 ให้อ่านคำบรรยาย, คำพูดตัวละคร ได้ง่ายขึ้น 

อื่นๆ ก็พวกงานค้างๆ เกมที่อยากเล่น หนังสือ, หนังที่อยากอ่านอยากดู, ไปหาหมอ ทะเล ภูเขา ต้นไม้ เอ๊ะ... เริ่มเพ้อ

ขอบคุณทุกคนค่ะ รักนะ
...
...
...
...
...
ยาวเน้อะ

ใครอ่านจบบ้าง... ยกมือหน่อย...

เรื่องแรก... ในส่วนงานที่ลงใน comico จะมีถึงตอน 250 นะคะ เมื่อหมดสัญญาแล้วแอดมินจะย้ายไปไว้ที่ readawrite ทั้งหมดรวมทั้งตอนต่อด้วย (แต่ราคาจะไม่เหมือนกับใน comico นะคะ) 

ใครที่มีปัญหาที่แอพ comico อย่าง เติมเหรียญไม่ได้ ซื้อตอนแล้วไม่ได้ เช่าแต่ได้ไม่ถึง 8 วัน ซื้อแล้วเจอกินเหรียญเกินราคาที่ตั้งไป ภาพซ้อน ภาพไม่โหลด แอพล่ม โปรดติดต่อกับแอดมินของเพจ comico thailand เลยนะคะ ตอนนี้แอดมินไม่ได้เป็นนักเขียนของที่นั่นแล้วไม่สามารถเคาะไปบอกทีมงานให้ตรวจสอบแก้ไขเร่งด่วนให้ได้แล้วนะคะ 

โครงการของ Del Vento ที่จะทำต่อ ใช่แล้ว... ตอนต่อ (หลังจากแอดมินกับนักเขียนไปพักยาว นั่งอู้ นอนอืดเป็นเมือกแหมะนิ่งๆ มาหลายอาทิตย์ ตอนนี้เริ่มมีแรงแล้ว เกมไดโบ อิมเมอร์ทัล ตัวละครก็เวล 60(170) แล้ว เอ๊ะ! กลับมาจริงจัง)
- ตอนต่อตั้งแต่ 250 เป็นต้นไปจนจบจริงๆ
- ตอนพิเศษ
- พวกของที่ระลึกที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำสักที อย่างเช่น สติ๊กเกอร์ไลน์
- ยกเครื่องตอน 1-250 ให้อ่านคำบรรยาย, คำพูดตัวละคร ได้ง่ายขึ้น 

อื่นๆ ก็พวกงานค้างๆ เกมที่อยากเล่น หนังสือ, หนังที่อยากอ่านอยากดู, ไปหาหมอ ทะเล ภูเขา ต้นไม้ เอ๊ะ... เริ่มเพ้อ
ขอบคุณทุกคนค่ะ รักนะ

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565

ปกตอน 250

 


#delvento ตอน 250 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/258

...

คิดถึงกันมั้ยหายไปหลายวัน เจอไข้เปลี่ยนฤดูเล่นงาน ตามที่แอดมินเคยบ่นๆ โม้ๆ ไปค่ะ สุขภาพแอดมินไม่ค่อยดี ล้มง่ายมาก แหะๆ

อันนี้กระเบนฝากมา

.

.

โลกของทุนนิยมไม่มี 'เรื่องที่ดีหรือเรื่องที่ไม่ดี' มีแต่ 'เรื่องที่ขายได้หรือขายไม่ได้' สำหรับที่นี่ เรื่อง Del Vento คือ 'เรื่องที่ขายไม่ได้' แม้จะเป็นสิ่งที่รู้ล่วงหน้ามานานแต่พอเวลานี้มาถึงจริงก็ยังคงใจหาย รู้สึกเสียดายอยู่ 2 ข้อคือ ไม่อาจทำตามที่รับปากกับอาจารย์ที่เคารพว่าจะเขียนเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องจนจบและไม่อาจเดินทางร่วมกับผู้อ่านทุกท่าน ณ ที่นี้ ไปถึง 'การชิงตัวเจ้าสาว' และตอนจบที่สมบูรณ์ 

-กระเบน-

.

.

แอดมินกับนักเขียนเข้าช่วงพักค่ะ หลังจากนี้จะเริ่มเขียนต่อแต่เปลี่ยนที่ลงงาน ตามไปอ่านกันนะคะ

แผนการณ์แอดมินว่าแบ่งระยะตั้งราคาแบบนี้ (ในแต่ละตอน)

- ช่วงทดลองลงงานเปิดให้อ่านฟรี  เป็นช่วงแอดมินลองลงงานดูคำผิด ความสมบูรณ์ภาพ

- ช่วงลดราคาโปรโมชั่น ซื้อไว้ก่อนถูกสุด

- ช่วงราคาเต็ม...

แปลว่าใครมาเห็นเร็วได้อ่านฟรี ใครมาช้านิดก็ช่วยสนับสนุนนะคะ


เลิฟผู้อ่าน

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2565

ปกตอน 249


#delvento ตอน 249 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/257

...

(เพลง) วันที่ 9 เดือน 9 ... (หลอกถามอายุคนที่รู้ว่านี่คือเพลงอะไร)

อัพวันอาทิตย์นะคะ แมวน้ำมาโพสก่อน

มาแจ้งกิจกรรมหาวอร์แบนในไดโบอิมมอร์ทัลเซิฟกิลเลียน //เจอกระเบนกระโดดถีบเท้าคู่ นังแมวน้ำเอาแต่เวล

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ปกตอน 248



#delvento ตอน 248 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/256

...

อีก 2 ตอนแอดมินก็จะตกงานแล้ว เย้ๆๆๆ ได้พักยาวๆ สักที สภาพร่างกายและจิตใจแอดมินไม่ไหวแล้วค่ะ รายสัปดาห์ทรุดมาก 

ฝากรี้ดและโดมินิคในอ้อมอกแฟนด้วยนะคะ

อย่างที่รู้ว่า FB ลดการเห็นจนเพจไม่เห็นอะไรแล้ว ใครอยากติดตามข่าวนักเขียนไปช่องทางอื่นๆ นะคะ 

มีทั้ง ทวิต IG blockdit pixiv deviantart readawrite

ไม่อยากทำงาน ไม่อยากทำงาน 

หนีไปเล่นไดโบ ใครอยากเล่นกับเจ๊ธิแมวน้ำมาเล่นกัน

โค้ด joox 3 เดือน ยังว่างไม่มีใครรับไปนะคะ ใครสนใจเคาะมาหาแมวน้ำนะ (มีคนได้โค้ดแล้วค่ะ)

เป็นที่รู้กันว่าเฟซฯ ปรับลดการมองเห็น ส่วนใหญ่แมวน้ำไปบ่นในทวิตนะคะ เจ๊ธิด้วย

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ปกตอน 247

 

#delvento ตอน 247 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/255

...

ตอนนี้กระดูกข้อมือหายแล้ว แมวน้ำดีใจมากๆ โดนใส่เฝือกทำอะไรไม่ได้เลย เข้าใจความรู้สึกแมวตอนโดนใส่ปลอกคอแล้วมันคงทำอะไรไม่ได้เกะกะ หงุดหงิดเหมือนกัน ที่เหลืออาการตึบๆ แปล็บๆ อีกเล็กน้อยก็รักษากันไป 

ปีนี้ต้องระวังตัวมากขึ้น สุขภาพกายและจิตต้องดูแลกันดีๆ นะคะ

ช่วงหายไปได้อ่านการ์ตูน (เว็บ) เยอะมาก เยอะจนอ่านไม่ทัน แล้วได้ฟัง podcast เยอะขึ้นด้วย ไว้มีอะไรจะไปบ่นๆ ในทวิตนะ ไม่มาโพสตรงนี้เพราะมันจะเหมือนสแปมเกินไป ฮา...

ฟังอันนี้มาน่าสนใจ

อุปสรรคอย่ามองว่าเป็นปัญหา แต่มองว่าเป็นความสุขที่ทำให้เกิดพลัง

ว้าว... 

เลิศมาก...

...

ตอน 247 อาจจะอัพวันอาทิตย์นะคะ อันนี้ไม่รู้กำหนดการอะไรทั้งนั้น เหอะๆ แถมตอนนี้ หยังวะ...! หลายๆ เรื่อง 

ขอให้โลกสงบสุข

ขอให้โรคร้ายหายไป

ขอให้ความรักคุ้มครองทุกคน

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ปกตอน 246

 

#delvento ตอน 246 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/254

...

ตอน 246 อัพวันอาทิตย์นะคะ มาลงก่อนเพราะแอดมินกำลังตัดขาดการสื่อสารเพื่อปั่นฟิค (อะแฮ่มๆ)

เดือนนี้งงมากกับวันหยุด เพิ่งรู้ว่ามีหยุดยาวติดๆ กัน ความจริงก็คุ้นๆ จะได้ยินประกาศตอนต้นปีแต่ไม่ได้ใส่ใจมากเพราะไม่เกี่ยวกับอาชีพอิสระอยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด วันได้หยุดคือลาพักไปหาหมอ - -" (แต่ช่วงนี้ไม่สบายเลยแหมะอ่านการ์ตูนทุกวันมากกว่าทำงาน) 

กลายเป็นตารางส่งงานก็จะมีปัญหากับทีมงานเพราะจะตรงกับวันหยุด จะไม่มีคนอยู่ออฟฟิศกันก็จะไม่มีคนอัพงานให้ ผู้อ่านทนอีกนะคะ ใกล้จบปัญหาต้องรอทีมงานแล้ว เย้ๆๆ

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ปกตอน 245

#delvento ตอน 245 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/253

...

พักหลังๆ นี่เกิดอะไรลืมง่ายมาก เพิ่งฟังอ่านไม่เมื่อกี้จะมาเขียนสรุปกลับลืมดื้อๆ คงจะต้องกลับมาสู่รากฐานการทำสมาธิ อนาล็อก แล้ว

แมวน้ำกับกระเบนมีนิสัยเหมือนกันอย่างหนึ่งตอนกินจะไม่หยิบมือถือมาเล่น ตอนออกไปนอกบ้านมือถืออยู่ในกระเป๋าแทบจะไม่หยิบออกมาใช้เลย จนแอบคิดจะเอาไปทำไมหว่าคนโทรมายังไม่ได้ยินเพราะปิดเสียง ตอนนี้มือถือคือเอาออกนอกบ้านเพราะต้องใช้แอพวอลเล็ตมากกว่าจะใช้สื่อสาร ตอนพนักงานถามให้ใช้มือถือทีไรมักจะค้นกระเป๋าแล้วพบว่าลืมหยิบมา - -"



 เจอหน้ารี้ดตอนงอน

วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2565

โสเภณีถูกกฎหมาย (10) : โสเภณีกับสถาบันครอบครัว

โสเภณีถูกกฎหมาย (10) : โสเภณีกับสถาบันครอบครัว

ขายตัวถูกกฎหมายใครๆ ก็เป็นโสเภณีได้ง่ายจัง (10)

ข้อโต้แย้งประเด็น “การค้ากามถูกกฎหมายไม่มีผลต่อสถาบันครอบครัว”


 


[คำอธิบายภาพ] แม้ว่าตอนนี้การซื้อขายบริการทางเพศเป็นเรื่องผิดกฎหมายแต่ก็ยังมีสถานที่ขายบริการทางเพศแอบแฝงซ่อนอยู่ในสังคมมากมายทั้งที่เป็นสถานประกอบการที่จัดตั้งอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย


เหตุผลของผู้สนับสนุน - สังคมไทยจะลดอคติลงและมองการซื้อบริการทางเพศเป็นเรื่องปกติเหมือนการไปนวดคลายเครียดไม่ใช่การนอกใจ จนในที่สุดผู้ชายไม่ต้องแอบเป็น “พ่อบ้านใจกล้า” อีก ผู้ชายจะสามารถคุยกับภรรยา แฟนสาว ลูก เพื่อนร่วมงานหรือคนทั่วไปเรื่องการซื้อบริการทางเพศได้อย่างเปิดเผยหรือเช็กอินที่จุดขายบริการทางเพศในแอพอย่าง “ไทยชนะ” ได้โดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ชายกล้าซื้อบริการโดยไม่รู้ต้องสึกผิดอีกต่อไป


หากสังเกตดีๆ แม้แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมักจะพยายามสร้างภาพว่า “ชายหญิงเท่าเทียมกัน” แต่พอพูดถึงการสนับสนุนให้มีโสเภณีหรือการขายตัวถูกกฎหมาย การสนับสนุนมักเน้นมาที่การส่งเสริมให้เพศหญิงเป็น “ผู้ขายบริการ” ให้เพศชายเป็น “ผู้ซื้อบริการ” และแทบจะไม่เห็นการสนับสนุนส่งเสริมให้เพศชายเป็น “ผู้ขายบริการ” ไม่ว่าจะเป็นการขายให้กับเพศหญิง, กะเทยหรือเกย์ชาย 


ผู้ชายมักจะอ้างว่าเพศชายมีความต้องการทางเพศ, ต้องการที่ปลดปล่อยและการซื้อบริการจากโสเภณีหญิงเป็นทางออก ทั้งๆ ที่ถ้านับตามตรรกะเดียวกันเพศหญิง, กะเทยและเกย์ชายเองต่างก็มีความต้องการทางเพศ แต่ทำไมผู้ชายที่รักเพศตรงข้าม (Straight Men) กลับไม่ส่งเสริมให้เพศชายเป็นฝ่าย “ผู้ขายบริการ” มากเท่ากับที่ส่งเสริมเพศหญิง

 

บางคนอาจจะเกิดคำถามและนึกค้านในใจว่า “ผู้ชายที่เป็น “ผู้ขายบริการ” ก็มีเช่น “โฮสชาย” ที่ให้ผู้หญิงเข้าไปเลือกใช้บริการ หรือ “เพื่อนหนุ่ม” ให้กะเทยหรือเกย์ชายไปเลือกใช้บริการ” ซึ่งถ้านับตามสัดส่วนแล้วจำนวนผู้ชายที่ขายบริการมีน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้หญิง และผู้ชายส่วนใหญ่ที่อยู่ในวงการนี้ทำด้วยความสมัครใจต่างกับผู้หญิงและเด็กที่ส่วนใหญ่เข้ามาจากกระบวนค้ามนุษย์ หรือไม่ก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอดประเภท “ถ้าไม่ทำก็อดตาย” (Survival Sex) ซึ่งมีน้อยคนมากที่มีทางเลือกอื่นก็ยังสมัครใจทำ


สรุปคือผู้ชายที่รักเพศตรงข้าม (Straight Men) ยังคงยึดสถานะ “ผู้ซื้อบริการ” อย่างเหนียวแน่น และยังพยายามทำทุกวิธีให้ผู้หญิงอยู่ในสถานะเป็น “ผู้ขายบริการ” “วัตถุทางเพศ” หรือ “สินค้า” ให้มากที่สุดเพื่อที่พวกเขาจะได้ซื้อ, ดูถูกและเหยียดเพศหญิงว่า “กะหรี่” ได้เต็มปากเต็มคำ 


นอกจากเพศหญิงที่ถูกกดลงให้อยู่สถานะ “สินค้า” ผู้ชายที่ขายบริการให้ผู้ชาย (เกย์, กะเทย, ผู้หญิงข้ามเพศ) ด้วยกันก็มักจะดูถูกเหยียดหยามจากผู้ชายที่รักเพศตรงข้าม (Straight Men) ว่าเป็น “กะหรี่ชาย” ด้วย ในขณะที่ผู้ชายที่ขายบริการให้ผู้หญิงจะไม่โดนดูถูกในระดับ “กะหรี่ชาย”  นั่นเพราะผู้ที่ดูถูกยังมองว่าผู้ชายกลุ่มหลังยังเป็น “ฝ่ายรุก” ขณะที่มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งคือผลจากค่านิยมและแนวคิดจากชายเป็นใหญ่ (ปิตาธิปไตย (patriarchy)) ที่ยกย่องเพศชายโดยเฉพาะผู้ที่ใช้อวัยวะเพศชายในการข่มเหงคนอื่นได้ว่าเป็นผู้มีพลังอำนาจ


 


[คำอธิบายภาพ] ตำรวจในจีนปิดคลับโฮสต์ในเซี่ยงไฮ้เนื่องจากมีภาพเศรษฐินีคนหนึ่งซื้อรถหรูให้หนุ่มโฮสต์


แนวคิดและค่านิยมแบบชายเป็นใหญ่นี่เองที่ทำให้ผู้ชายขายบริการจะถูกลดบทบาทจาก “ผู้ซื้อ” กลายเป็น “ผู้ขาย” หรือ “สินค้า” แต่ตราบใดที่พวกเขายังเป็น “ฝ่ายรุก” และผู้ที่ซื้อเป็นเพศหญิง พวกเขายังคงได้รับความนับถือในฐานะเพศชายเช่นเดิม แถมผู้ชายที่รักเพศตรงข้าม (Straight Men) บางคนอาจยกย่องผู้ชายเหล่านี้ว่า “เพลย์บอย” “เจ้าชู้” เพราะสามารถมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตาและผู้หญิงเหล่านั้นต้องเป็นฝ่ายซื้อนำข้าวของเงินทองมาให้ 


แตกต่างจากผู้หญิงที่แม้ว่าบางคนจะเปลี่ยนมาอยู่บทบาทของ “ผู้ซื้อบริการ” แล้ว เพราะผู้หญิงที่ซื้อบริการยังเป็น “ฝ่ายรับ” ตอนมีเพศสัมพันธ์ ผู้หญิงที่เป็นผู้ซื้อยังคงถูกคนส่วนใหญ่มองว่า “โง่” “โดนหลอกเงิน” “ไม่มีใครเอา” “ร่าน” “เป็นผู้หญิงเลว” “มักมาก” “ใฝ่ในกาม” เพราะนอกจากเสียตัวยังต้องเอาเงินไปให้ผู้ชายอีกซึ่งค่านิยมนี้แม้ในประเทศที่พัฒนาแล้วอาจเบาบางลงไปบ้างแต่ก็ยังไม่หมดไปและคงไม่มีทางหมดไปตราบที่ยังมีความเหลื่อมล้ำทางเพศ


และถ้าการค้าประเวณีถูกกฎหมายเป็นเรื่องที่ได้รับการยอมรับขึ้นมา เมื่อการซื้อประเวณีไม่ว่ารูปแบบใดถูกมองว่าเป็นแค่การไปใช้บริการอย่างหนึ่งไม่ใช่การนอกใจ การสมรสและความสัมพันธ์ฉันสามี-ภรรยา, การมีผัวเดียวเมียเดียวจะหมดความหมายทันที เพราะนิยามของคำว่า “นอกใจ” จะไม่เหมือนเดิมอีก


แน่นอนว่ามันจะมีผลทางกฎหมายในเรื่องการฟ้องหย่า, แบ่งสินสมรส และการเรียกค่าเลี้ยงดูด้วยเพราะหากสามีได้ทนายที่เก่งพอ ภรรยาจะไม่สามารถฟ้องหย่าเพราะสามีมีชู้, มีเมียน้อยหรือเลี้ยงดูหญิงอื่นได้อีกต่อไป


เมื่อพูดถึงเรื่องกฎหมาย ต้องขออ้างอิงกฎหมายสมรสซึ่งส่วนใหญ่เป็นนิยามการสมรสระหว่างชายหญิง (แม้ว่าจะมีบางประเทศผ่านกฎหมายสมรสระหว่างเพศเดียวกันแล้ว)


  

[คำอธิบายภาพ] ปัจจุบันกฎหมายไทยยังเปิดโอกาสให้ ภรรยาสามารถฟ้องหย่าสามีถ้าสามีมีชู้ได้


ทำไมพูดถึงเรื่องการสมรสแล้วต้องพูดถึงเรื่องการหย่าร้างและค่าเลี้ยงดู?


เพราะค่านิยมและวิถีชีวิตของชาวตะวันตกแตกต่างจากชาวเอเชีย ผู้หญิงในชาติตะวันตกส่วนใหญ่เมื่อแต่งงานแล้วยังคงทำงานต่อและมีรายได้ของตัวเอง ทำให้เมื่อถึงคราวที่ต้องเลิกรากับสามีหรือสามีเสียชีวิต ผู้หญิงยังมีความสามารถที่จะดูแลตัวเองกับลูกต่อได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น แตกต่างจากผู้หญิงเอเชียที่ยังต้องพึ่งกฎหมายคุ้มครองหลังการหย่าเป็นหลัก


ผู้หญิงในเอเชียจำนวนมากกลับถูกคาดหวังหรือบีบบังคับให้ทันทีที่แต่งงานจะต้องลาออกจากงานเพื่อมาทำหน้าที่ภรรยา เป็นแม่ของลูกและเป็นแม่บ้านเต็มเวลา ทำให้ผู้หญิงเหล่านี้ไม่มีรายได้เป็นของตัวเองและต้องพึ่งพิงรายได้จากสามีเป็นหลัก แม้ว่าผู้หญิงบางส่วนจะเป็นแค่ออกจากงานช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อคลอดลูกหรือเลี้ยงเด็กอ่อน หรือหยุดทำงานจนกว่าจะเลี้ยงลูกจนโตพอจะส่งเข้าโรงเรียนอนุบาลหรือฝากพี่เลี้ยงได้แล้วกลับไปทำงานต่อ แต่ผู้หญิงเหล่านั้นมักจะขาดทักษะการทำงานในระบบองค์กรหรือสร้างเครือข่ายทางธุรกิจได้ไม่ดีเท่ากับผู้ชายที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง และยิ่งผู้หญิงเหล่านั้นหยุดทำงานในระบบนานเท่าไรโอกาสที่จะได้กลับมาทำงานประจำก็จะยิ่งน้อยลง ส่วนใหญ่ผู้หญิงที่ต้องลาออกไปเป็นแม่บ้าน เมื่อต้องกลับไปทำงานนอกบ้านอีกครั้งก็มักผันตัวเองไปเป็นพนักงานพาร์ตไทม์หรือเป็นลูกจ้างชั่วคราวมากกว่าจะได้ตำแหน่งงานในระบบงานประจำ


เพราะเหตุนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงมักไม่มีรายได้พอจะดูแลตัวเองและลูกหลังหย่า ในหลายประเทศจึงมีกฎหมายช่วยเหลือผู้หญิงหลังการหย่าโดยจะแบ่งรายได้ของสามีมาเป็นเงินช่วยเหลือประเภทต่างๆ เช่น ญี่ปุ่นจะมีการชดเชยการฟ้องหย่าแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ 

1. ค่าทำขวัญในการหย่า (慰謝料 อิชะเรียว)

2. ค่าเลี้ยงดูบุตร (養育費 โยอิคุหิ)

3. การแบ่งทรัพย์สิน (財産分与 ไซอิซานบันยู)

4. ค่าใช้จ่ายระหว่างแยกกันอยู่ในกรณียังหย่าไม่สำเร็จ (婚姻費用 คงอินหิโย)


ของประเทศอื่นๆ ในเอเชียก็จะคล้ายๆ กัน อย่างของไทยจะมี

1. ค่าเลี้ยงชีพ (ต้องฟ้องหรือฟ้องแย้งเข้าไปในคดี มาฟ้องเรียกร้องภายหลังไม่ได้) เมื่อฝ่ายที่ได้รับค่าเลี้ยงชีพได้ทำการสมรสใหม่จึงถือเป็นยุติ ฝ่ายที่ต้องจ่ายไม่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงชีพอีกต่อไป

2. ค่าเลี้ยงดูบุตร

3. ค่าทดแทน (บางในกรณีเท่านั้น)

4. การแบ่งสินสมรส


เฉพาะค่าเลี้ยงดูบุตรของญี่ปุ่นเมื่อตีเป็นเงินไทยจะเฉลี่ยประมาณ 1 หมื่นบาทต่อเดือนขึ้นไป ของเกาหลีเมื่อตีเป็นเงินไทยจะประมาณ 1.5 หมื่นบาทขึ้นไป แต่ของไทยจะประมาณ 5 พันบาทต่อเดือนขึ้นไป (ข้อมูลก่อนปี 2564)


จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า ถ้ามีการฟ้องหย่าเกิดขึ้นในไทย ผู้หญิงที่ไม่ได้มีงานประจำแต่ได้สิทธิ์เลี้ยงดูลูกจะได้ค่าเลี้ยงดูบุตรต่อเดือนน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายจริง ฉะนั้นเงินที่จะช่วยผู้หญิงเหล่านั้นส่วนใหญ่จึงเป็นเงินในส่วนอื่นๆ 


ย้อนกลับมาที่หัวข้อหลัก “หากการซื้อขายบริการทางเพศเป็นเรื่องถูกกฎหมาย” สมมติว่าผู้หญิงคนหนึ่งจับได้ว่าสามีตนเองมีเมียน้อยแล้วฟ้องหย่า แต่สามีกลับยืนกรานว่านั่นไม่ใช่เมียน้อยแต่เป็นแค่โสเภณีที่ซื้อบริการไว้แบบ “ผูกปิ่นโต” และที่ให้บ้านให้รถถือเป็น “ทิป” เพราะบริการถูกใจ 


คำถามคือ ในเมื่อสามีอ้างว่านั่นเป็นแค่การซื้อบริการแบบขาประจำจะถือว่าสามีนอกใจหรือไม่? และภรรยาจะมีสิทธิ์ฟ้องข้อหาคบชู้ได้หรือไม่? ในมุมกลับกันหากภรรยานำเงินไปซื้อบริการทางเพศจากชายอื่น ซื้อรถซื้อบ้านปรนเปรอชายอื่นหรือปอกลอกทรัพย์สินสามีไปให้ชายอื่น สามีจะสามารถนำเรื่องนี้เป็นเหตุผลในการฟ้องหย่าถ้าภรรยาอ้างว่านั่นเป็นแค่ “การซื้อบริการหรือการให้ทิป” ไม่ใช่การเลี้ยงดูหรือคบชู้ได้หรือไม่?

 


[คำอธิบายภาพ] การซื้อขายบริการทางเพศเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศญี่ปุ่น แต่คำตัดสินของศาลญี่ปุ่นได้สร้างกระแสคัดค้านและเกิดปัญหาบรรทัดฐานทางสังคมอย่างรุนแรง เมื่อศาลมองว่าการที่ชายคนหนึ่งเลี้ยงดูหญิงคนหนึ่ง 7 ปีเป็นแค่การซื้อบริการ https://mgronline.com/japan/detail/9580000060885


จากที่ผู้เขียนได้ผู้คุยกับผู้มีความรู้ทางกฎหมายได้คำตอบมาว่า “ถ้าการค้าบริการทางเพศถูกกฎหมายและผู้ซื้อปฏิเสธข้อหาคบชู้โดยอ้างเหตุผลว่านั่นเป็นเพียงการซื้อบริการ ไม่ว่าจะสามีหรือภรรยาก็จะไม่สามารถฟ้องหย่าด้วยเหตุคบชู้ได้อีกเพราะศาลจะมองว่านั่นเป็นการซื้อบริการรูปแบบหนึ่งเท่านั้น”


ในญี่ปุ่นเคยมีคดีความเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่คำตัดสินของศาลสั่นคลอนความมั่นคงของสถาบันครอบครัวของญี่ปุ่นและสร้างความกังขาให้กับคนในสังคมอย่างมากมาแล้ว


คดีที่ว่าเกิดขึ้นเมื่อภรรยาจับได้ว่าสามีมีความสัมพันธ์กับโสเภณีคนหนึ่งถึง 7 ปี จึงฟ้องหย่าสามีและฟ้องโสเภณีคนนั้นว่าทำผิดกฎหมายครอบครัวทำให้ชีวิตสมรสของเธอเสียหายและให้ทั้งคู่จ่ายค่าชดเชย แต่ศาลกลับตัดสินว่า “พฤติกรรมดังกล่าวไม่เข้าข่ายทำให้ชีวิตสมรสเสียหาย เนื่องจากเป็นการซื้อขายบริการทางเพศไม่ใช่การนอกใจ และแม้ว่าภรรยาจะรังเกียจพฤติกรรมสามีแต่ก็ไม่เข้าข่ายจะเรียกร้องค่าชดเชยจากทั้งคู่ได้”


จะเห็นได้ว่าเรื่อง “การฟ้องหย่าไม่สำเร็จเพราะนั่นเป็นแค่การซื้อบริการ” ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินจริง ซึ่งถ้าสังคมไทยเป็นไปถึงขั้นที่มีคดีความและศาลมีมาตรฐานในการตัดสินเช่นนี้ กฎหมายการสมรสหรือการฟ้องหย่าก็จะหมดความหมาย


การสมรส, การแต่งงาน คือการที่บุคคล 2 บุคคลตัดสินใจจะสร้างอนาคตร่วมกัน หากเกิดความขัดแย้งหรือเหตุผลไม่ลงรอยกันก็ต้องหย่าร้างแยกกันไป ในระหว่างที่ยังสมรสกันอยู่คู่สมรสควรจะมีความซื่อสัตย์, ความผูกพัน, การให้เกียรติและรับผิดชอบชีวิตซึ่งกันและกัน รวมถึงต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูบุตรที่เกิดขึ้นจากทั้งคู่ มิเช่นนั้นก็ไม่ควรสมรสกันตั้งแต่แรก


การอ้างความต้องการทางเพศโดยไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ เอาความต้องการของตนเป็นที่ตั้งจนลืมความถูกผิดหรือดีชั่ว จนทำร้ายความรู้สึกหรือไม่ให้เกียรติคู่ครองและบุตรของตนจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ผู้ที่สามารถนอกใจคู่ครองโดยอ้างความต้องการทางเพศเป็นความชอบธรรมคือผู้ที่ไม่เคยมีความรู้สึกผูกพันต่ออีกฝ่าย ไม่เคยให้เกียรติ ไม่เคยคิดจะรับผิดชอบความรู้สึกของคู่สมรสของตน มีแต่ความเห็นแก่ตัวและยึดเอาความต้องการของตัวเองเป็นหลัก 


ผู้ชายหลายคนอาจเถียง “เมียยอมให้ไปมีข้างนอกได้ถ้าไม่เอาเข้าบ้าน” 


ผู้เขียนอยากบอกว่า หากผู้หญิงคนนั้นรักคุณจริงๆ ถ้าเลือกได้เธอจะไม่อยากให้สามีของตัวเองไปมีคนอื่น การที่ผู้หญิงยอมให้คุณเที่ยวหรือมีคนอื่นทั้งที่รักคุณ นั่นคือเพราะเธอไม่อยากเสียคุณไป หากคุณใช้การที่เธอ “ยอม” เป็นข้ออ้างในการนอกใจ นั่นคือคุณเองไม่ได้รักและให้เกียรติ หรือไม่แม้กระทั่งมีความเห็นอกเห็นใจให้กับภรรยาของตน ในทางกลับกันถ้าภรรยาคุณเป็นฝ่ายที่นอกใจไปซื้อบริการหรือเลี้ยงดูชายอื่นบ้าง โดยอ้างว่าคุณให้ความสุขทางเพศกับเธอไม่ได้เลยต้องไปหาเอาข้างนอก คุณผู้ชายทั้งหลายยัง “ยอม” รับได้หรือไม่?

 


หลังจากที่ผู้เขียนได้เขียนหัวข้อนี้มาหลายตอนแล้ว เชื่อว่าผู้ที่อ่านถึงตอนนี้น่าจะพอรู้แล้วว่าการค้ากามถูกกฎหมายให้โทษต่อสังคมทั้งในด้านปัญหาสังคม ความปลอดภัยและส่งผลกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้หญิงอย่างยิ่ง มีเพียงผู้ชายที่ซื้อบริการ นายทุน แมงดาและผู้หญิงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่ได้ประโยชน์ 


แม้จะรู้ว่าการแก้ให้การค้ากามถูกกฎหมายเป็นการสนับสนุนการค้ามนุษย์และนำมาซึ่งปัญหาสังคมมากมาย แต่ทำไมคนบางส่วนกลับยังเห็นดีเห็นชอบและสนับสนุน 


หากให้ผู้เขียนตอบผู้เขียนคงอธิบายได้ว่าคนเหล่านั้นพยายามหาเหตุผลและแสดงพฤติกรรมเข้าข้างความคิดตนเอง (Cognitive Dissonance) 


ตามปกติคนเราถ้าได้ประโยชน์จากสิ่งไหน ชอบอะไร มักลำเอียงว่าสิ่งนั้นดี 


ทุกการกระทำที่มีเซ็กซ์เป็นส่วนประกอบไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์, การช่วยตัวเอง, การได้รับการเล้าโลมทั้งทางกายและวาจา ฯลฯ ล้วนกระตุ้นให้เกิดสารเคมีประเภทสารความสุขเข้าสู่สมองที่รุนแรงไม่แตกต่างจากการได้รับสารเสพติด ผู้คนมากมายจึงเสพติดเซ็กซ์ได้อย่างง่ายดายทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว และหากถูกวางเงื่อนไขโดยมีเซ็กซ์เป็นสิ่งเร้าในระยะเวลาที่นานพอก็จะส่งผลให้เกิดการเชื่อมโยงทุกอย่างที่เกี่ยวกับเซ็กซ์ว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่เว้นแม้แต่เรื่องหนังโป๊หรือการขายบริการทางเพศ


เทียบเคียงได้กับอบายมุขอย่างอื่น เช่น บุหรี่, ยาเสพติด, การพนัน คนส่วนใหญ่รู้ว่าไม่ดีแต่ทำไมยังมีคนจำนวนมากเต็มใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวและยังมีหน้าใหม่เข้าไปทดลองและเสพติดอยู่เรื่อยๆ ?


เหตุผลที่ผลักดันพวกเขาให้ทำแบบนั้นก็คล้ายกันคือ เมื่อพวกเขาเสพติดอบายมุขเหล่านั้นแล้ว พวกเขาจะมองไม่เห็นด้านไม่ดีของมันอีกต่อไป ต่อให้มีคนเตือนว่า “เสพยาทำให้สุขภาพเสีย” เขาก็จะไม่สนใจเพราะความรู้สึกตอนที่เมายาทำให้เขารู้สึกดีเกินกว่าจะคิดถึงผลกระทบด้านสุขภาพ หรือต่อให้มีคนเตือนว่า “เล่นการพนันทำให้เป็นหนี้” เขาก็จะไม่สนใจเพราะความตื่นเต้นตอนได้ลุ้น หรือความยินดีตอนได้เงินรางวัลสร้างความสุขให้เขาในตอนนั้นมากกว่าการคิดถึงอนาคตซึ่งเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง


การขายบริการทางเพศก็เช่นกัน ถ้ามีคนบอกว่า “การซื้อขายบริการทางเพศคือการค้ามนุษย์ เหยียดผู้หญิง เห็นผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศและทำให้ทัศนคติสังคมบิดเบี้ยว” พวกเขาก็จะไม่ใส่ใจเพราะพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบหรือเห็นว่ามันไกลตัว เขาเห็นแต่ความสุขและผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับจากซื้อหรือขายบริการทางเพศตรงหน้ามากกว่า และพวกเขาก็พร้อมจะปกป้องสิ่งที่สร้างความสุขให้พวกเขาโดยไม่คำนึงว่ามันจะสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมโดยรวมหรือส่งผลกระทบกับผู้หญิงส่วนใหญ่มากแค่ไหน


ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายบริการทางการเพศถูกกฎหมาย แม้แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังแก้ไขไม่ได้และทำได้แค่พยายามแก้ปัญหาแบบวัวหายล้อมคอกอยู่เป็นระยะ ผู้เขียนได้แต่ภาวนาให้ผู้บริหารประเทศของเราดูประเทศเหล่านั้นเป็นกรณีศึกษาเพื่อไม่ให้ออกกฎหมายหรือดำเนินนโยบายผิดพลาดซ้ำรอยประเทศที่พัฒนาแล้วเหล่านั้นอีก 


ปัจจุบันแม้จะการขายบริการทางเพศจะไม่ถูกกฎหมายแต่ผู้ซื้อขายก็มีช่องทางซื้อขายอย่างอิสระและแทบจะไม่ถูกจับมาดำเนินคดีกันอีกแล้ว เว้นแต่คนที่เป็นนายทุน แมงดา แม่เล้าที่เป็นธุระจัดหาเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาขายบริการที่ยังพอเห็นข่าวว่ามีการล่อซื้อจับกุมอยู่ ฉะนั้นผู้ที่สนับสนุนการค้ากามอย่าพยายามกลับผิดเป็นถูกด้วยความมักง่าย รักสบายและเห็นแก่ตัวจนผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงด้วยเลย ลองนึกภาพว่าหากลูกสาวหลานสาวตัวเองต้องเติบโตในสังคมที่ผู้หญิงถูกซื้อขายได้เหมือนผักปลาและมีโอกาสที่จะถูกผู้ชายในสังคมฉุดคร่าได้ทุกเมื่อเหมือนเป็นแค่วัตถุชิ้นหนึ่ง ถึงตอนนั้นมานึกเสียใจก็คงสายไปแล้ว


รูปและอ้างอิง

https://www.creatrip.com/th/blog/11923

http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:QXJ-0Vh9Gw0J:easylaw.go.kr/CSM/CsmOvSave.laf%3FcsmSeq%3D693%26ccfNo%3D3%26cciNo%3D3%26cnpClsNo%3D3+&cd=2&hl=th&ct=clnk&gl=th&client=opera

http://www.thailaws.com/aboutthailaw/knowledge_03.htm

https://srisunglaw.com/ค่าเลี้ยงดูบุตร/

https://trnjc.coj.go.th/th/file/get/file/20190220d41d8cd98f00b204e9800998ecf8427e163045.pdf

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aprilfool&month=08-2015&date=14&group=1&gblog=21

https://thaiseeyou.com/archives/5170

https://pixabay.com/images/id-1837148/

https://pixabay.com/images/id-4372151/

https://pixabay.com/images/id-5817033/


วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ปกตอน 244

#delvento ตอน 244 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/252

...

มาโพสแจ้งล่วงหน้าค่ะ (ตอน 244 จะอัพวันเวลาปกติ)

เวลาว่าช้าก็ช้า ว่าเร็วก็เร็ว เพียงแว้บเดียวอะไรก็ผ่านมาผ่านไปอย่างมากมาย มีอารมณ์เข้ามาหลายหลาย มีเหตุการณ์ให้ชวนระลึกและอยากลบเลือน ชีวิตมีดีร้าย ทุกข์สุข ที่เหมือนเดิมคือท้อได้แต่อย่าถอย สู้ไปแม้ว่ามันจะสู้กลับ 

รักผู้อ่านทุกคนค่ะ


นานๆ จะมีรูปไอริณให้โชว์ 

ตัวละครนี้บทเจอสับๆๆๆ ย่อๆๆๆ เกลี้ยง TT.TT อะไรที่รู้สึกห้วนๆ ผู้อ่านเบลอๆ ไปนะคะ (ฮา...) แมวน้ำไม่รู้จะตัดยังไงให้ผู้อ่านยังอ่านรู้เรื่องอยู่ได้แล้ว เรื่องของตระกูลโจวกับตระกูลเกาตัดเรียบค่ะ (แหะๆ)

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ปกตอน 243

 


#delvento ตอน 243 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/251

...

ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเพื่อน พี่และน้องที่ไม่ได้คุยกันนานแล้วเคาะมาคุยด้วยหลายคนเลย แปลกใจและดีใจ คิดถึงทุกคนค่ะ แต่ที่แปลกใจกว่าคือ แต่ละคนมีจุดร่วมเหมือนกัน 

รักษาสุขภาพกายสุขภาพจิตกันเยอะๆ นะคะ ใครที่ต้องหาหมอกินยาก็อย่าพลาดนัด อย่าลืมกินยานะ 

แมวน้ำรักทุกคน พระคุ้มครองและอวยพรนะคะ

//กอดๆ 

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ปกตอน 242

 

#delvento ตอน 242 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/250

...

ช่วงนี้อากาศเดี๋ยวร้อน ฝนตก ตอนกลางคืนหนาวขึ้นมาดื้อๆ แอดมินได้แต่กระดกยาเข้าปาก ปีนี้อากาศอึดอัดจริงๆ 

แอดมินตั้งใจว่าจะไปบ่นในทวิตฯ แทนมาบ่นในเฟซฯ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่รู้จะทวิตอะไร ฮา...  หลังๆ ชอบอ่านมากกว่าเขียน ชอบดูมากกว่ารีวิว แล้วก็ชอบทำตัวเป็นสไลม์แหมะๆ อยู่กับที่ :)

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ปกตอน 241


#delvento ตอน 241 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/249

...


ชื่อโหลทำพิษ - เมื่อชื่อนามสกุลตัวเองไปอยู่บนเว็บ blacklistseller.com


นับเป็นเรื่องสุดเซ็งในรอบหลายปีของผู้เขียน เมื่อจู่ๆ มีผู้อ่านถามมาว่า “ไปโกงเงินเขามาเหรอ”


พบทราบก็ไปค้นหาใน  Google ช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มวันที่ 8 พ.ค. 2565 ก็เจอ link ที่มีหัวข้อ “ผู้ขายที่ควรระวัง ธิดารัตน์ แซ่ตั้ง...” จริง เมื่อเข้าไปดูที่ link และค้นหาในเว็บ blacklistseller.com ก็พบว่ายังมีกรณีอื่นอีกรวมทั้งหมด 12 รายงาน หลังจากตั้งสติได้ก็เริ่มพิมพ์ข้อความติดต่อผู้ดูแลเพจและเว็บ blacklistseller.com ช่วงเวลาประมาณตีสามของวันที่ 9 พ.ค. 2565 ส่งแคปรูปการค้นชื่อ “ธิดารัตน์ แซ่ตั้ง” ในเฟซบุ๊กว่ามีคนใช้ชื่อนี้ซ้ำให้ผู้ดูแลเพจและเว็บ blacklistseller.com ช่วยแก้ไขรายละเอียด แต่ผู้ดูแลเพจและเว็บ blacklistseller.com ยืนยันต้องแสดงหลักฐานต่างๆ ถึงจะรับเรื่อง ทำให้ต้องออกไปตรวจสอบบัญชีกับธนาคารกสิกรไทย แล้วก็ไปลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เอาหลักฐานมาแจ้งแก้ไขข้อมูลในเว็บ blacklistseller.com อีกรอบ


ต้องขอบคุณผู้อ่านท่านนั้นที่แจ้งเข้ามาเพราะถ้าไม่แจ้งป่านนี้ผู้เขียนก็ยังไม่รู้ว่าคนชื่อซ้ำกับตัวเองไปทำเรื่องจนชื่อไปขึ้นในเว็บ blacklistseller.com และยังโผล่หราตอนค้นหาบน Google แบบนี้ ไม่อยากนึกเลยว่า ก่อนที่ท่านนั้นแจ้งเข้ามาจะมีคนเห็นแต่ไม่มาบอกแล้วเอาไปเผยแพร่ต่อสร้างความเข้าใจผิดไปแล้วแค่ไหน


ถ้าถามความรู้สึก หลักๆ ก็คง “เซ็ง” แบบที่พิมพ์ไปในบรรทัดแรก เพราะแต่ก่อนตอนมีคนเสิร์ชชื่อผู้เขียน ลิงก์แรกๆ ที่ขึ้นมาใน Google คือผลงานของผู้เขียน, ข้อมูลหนังสือ, หรือข้อมูลสารนิพนธ์ในห้องสมุดของผู้เขียน พอ “คนชื่อซ้ำ” ไปก่อเรื่องนี้ลิงก์แรกที่ขึ้นมาเลยกลายเป็น “แบล็กลิสต์คนโกงและเลขบัญชีคนโกงที่ห้ามโอน” ในฐานะนักเขียนถือว่าเป็นความอัปยศแถมยังเป็นความอัปยศจากเหตุที่ตัวเองไม่ได้กระทำ และผู้เขียนจะรับไม่ได้มากสุดหากผู้ที่ไม่รู้ความจริงจะเอาความเท็จไปเผยแพร่ต่อแล้วสร้างความเสื่อมเสียไปถึงครอบครัว, คนรัก, เพื่อนและผู้ใหญ่ที่เคารพ 


ขอบคุณคำแนะนำที่ให้ผู้เขียนเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลแต่ผู้เขียนคงไม่เปลี่ยน เพราะนอกจากต้องยุ่งยากเรื่องเอกสารในอนาคตแล้ว ผู้เขียนยังคิดว่าเราไม่ใช่ผู้กระทำผิดทำไมเราถึงต้องทิ้งชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เพราะการกระทำของใครก็ไม่รู้ คนที่ควรละอายจนต้องเปลี่ยนชื่อคือ “คนชื่อซ้ำ” คนนั้นต่างหาก


ผู้เขียนจึงโกรธคนชื่อซ้ำคนนั้นมากแล้วก็รู้สึกเจ็บใจที่ตัวเองไม่สามารถดำเนินคดีกับคนคนนั้นเพราะไม่ใช่เจ้าทุกข์ที่โดนโกงโดยตรง 


ผู้เขียนสงสัยมากว่าคนที่โดนคนชื่อซ้ำโกงทำไมถึงไม่มีใครไปแจ้งความดำเนินคดีกับคนคนนั้น?  ในบางเว็บบอร์ดขนาดโกงของแค่หลักร้อยบาทเขายังหาทางลากคนโกงไปดำเนินคดีได้ ถ้าผู้เสียหายไปแจ้งความกันสักครึ่งผู้เขียนเชื่อว่าป่านนี้น่าจะลากตัวคนผิดออกมาดำเนินคดีหรือชดใช้เงินคืนได้แล้ว


และถึงผู้เขียนจะเข้าใจเจตนาของเว็บ blacklistseller.com ว่าต้องการประกาศรายชื่อคนโกงเพื่อไม่ให้เกิดเหยื่อเพิ่มจึงไม่คิดจะดำเนินคดีกับทางเว็บที่ทำให้ผู้เขียนเสื่อมเสียชื่อเสียงและแค่ให้เขาเพิ่มคำอธิบายว่า “ไม่ใช่คนที่เป็นนักเขียนการ์ตูน” แต่ผู้เขียนก็ยังรู้สึกเคืองที่ตัวเองอยู่ดีๆ ต้องเสียชื่อเสียงจาก “ระบบกล่าวหา”

 

ที่ว่า “ระบบกล่าวหา” หมายถึงระบบที่ผู้เขียนโดน “กล่าวหา” (โดยไม่เจตนา) จากทางเว็บ blacklistseller.com แล้วต้องหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่เช่นนั้นทางเว็บจะไม่ดำเนินการแก้ข้อความเพื่อปกป้องชื่อเสียงของผู้เขียน ทำให้ผู้เขียนรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นนางสีดาที่อยู่ดีๆ ก็ถูกบังคับให้มาลุยไฟทั้งที่ไม่ใช่เรื่อง


ผู้เขียนเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องของการเตือนภัยจึงไม่ได้ขอให้เอาชื่อออกตั้งแต่ต้น แต่พอขอให้เขาเพิ่มเติมข้อความว่า “ไม่ใช่นักเขียนการ์ตูน” เพื่อปกป้องชื่อเสียงของผู้เขียน แต่ทางเว็บกลับออกตัวย้ำตลอดว่า “จะคงชื่อคนโกงคนนั้นไว้เพื่อเตือนภัย” ราวกับไม่ได้อ่านเจตนาของข้อความที่ผู้เขียนส่งไปและเข้าใจเอาเองว่า “ผู้เขียนอยากให้ลบชื่อออกจากบัญชีคนโกงถาวร” จึงตอบแบบยืนยันที่จะปกป้องสิทธิ์ของเว็บ blacklistseller.com ในการเผยแพร่รายชื่อคนโกงมากกว่าที่จะจริงใจในการช่วยปกป้องชื่อเสียงของผู้ชื่อซ้ำหรือผู้ที่โดนเอาชื่อไปแอบอ้างโดยไม่รู้ที่ได้รับผลกระทบจากเว็บ


การทำความดีด้วยเจตนาดีนั้นน่าสรรเสริญแต่อะไรที่สุดโต่งเกินไปก็ใช่ว่าจะดี เช่นในกรณีนี้การที่ทางเว็บ blacklistseller.com เผยแพร่ข้อมูลคนโกงเพื่อปกป้องไม่ให้คนตกเป็นเหยื่อเพิ่มนับเป็นสิ่งที่ดีก็จริง แต่การที่ทางเว็บลงข้อมูลของ “คนชื่อซ้ำ” ซึ่งทำให้ผู้เขียนเสื่อมเสียชื่อเสียงทางอ้อมแล้ว นอกจากจะไม่มีการแสดงความเสียใจ เห็นใจ หรือแม้แต่ให้คำขอโทษกลับยังเพิ่มภาระให้ผู้เขียนต้องพิสูจน์ตัวเองจึงจะยอมช่วยเพิ่มข้อความปกป้องชื่อเสียงของผู้เขียนอย่างเสียไม่ได้ 


มันชวนให้มองว่าเขา “ติดดี” มากจนเกินไป คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งที่ถูกจนไม่สนใจว่าจะมีคนเดือดร้อนจากการกระทำของตนเองหรือไม่ ลองหันกลับมาคิดแบบใจเขาใจเราดูว่าถ้าเป็นชื่อของเขาเองที่ไปซ้ำกับคนโกงจนมีคนเข้าใจผิด จนเกิดความเสียหายต่อตัวเขา เขาจะพอใจกับลักษณะการพูดและการจัดการกับปัญหาของทางเว็บแบบนี้อยู่หรือเปล่า?


ผู้เขียนพยายามมองในแง่ดีว่าที่เขาทำแบบนี้เพราะไม่แน่ใจในสถานะของผู้เขียน และอาจคิดว่าผู้เขียนคือคนโกงคนนั้นที่ปลอมตัวเป็น “คนชื่อซ้ำ” มาเพื่อหลอกให้ทางเว็บเอาชื่อออกจะได้สะดวกในการโกงคนอื่นต่อ แต่ในฐานะที่เป็นสื่อกลางที่มีผู้ใช้เข้าถึงมากก็ควรระมัดระวังในการตรวจสอบและนำเสนอข้อมูลให้มาก ทั้งยังควรมีน้ำใจที่จะกล่าวคำขอโทษหรืออย่างน้อยก็แสดงความเห็นใจต่อผู้เสียหายที่เกิดจากการเผยแพร่ข้อมูลของทางเว็บสักนิด “ไม่ใช่ทำเหมือนไม่ใช่ธุระของตัวเอง”

 

หากยกผลประโยชน์ให้จำเลยคือกรณีของผู้เขียนอาจเป็นกรณีแรกที่มี “คนชื่อซ้ำ” ออกมาแสดงตัวว่าเดือดร้อนจากการเผยแพร่ชื่อคนโกง ผู้เขียนก็ได้แต่หวังว่าทางเว็บ blacklistseller.com จะนำประสบการณ์ที่ได้จากกรณีของผู้เขียนไปปรับปรุงการประกาศรายชื่อคนโกงให้รัดกุมขึ้น เพื่อที่จะไม่มี “คนชื่อซ้ำ” เดือดร้อนจากการเผยแพร่ชื่อคนโกงของทางเว็บอีกเป็นรายที่ 2 


เหตุการณ์นี้ให้บทเรียนผู้เขียนหลายเรื่อง เรื่องแรกคือ “ควรค้นหาชื่อนามสกุลตัวเองบน Google บ้าง” เพราะชื่อเราอาจไปปรากฏบนนั้นในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึงได้ทุกเมื่อ ถึงไม่ใช่เรื่องคนชื่อซ้ำทำอะไรแปลกๆ แต่เคยมีข่าวว่ามีคนถูกมิจฉาชีพนำเอกสารที่หลุดจากที่ต่างๆ ไปทำอะไรแปลกๆ เช่น กู้เงิน 


เรื่องที่สองคือ “อย่าเชื่อสิ่งที่เห็นบนเน็ตโดยไม่ตรวจสอบ” ปัจจุบันมีข้อมูลมากมายบนเน็ตทั้งจริงทั้งเท็จปะปนกัน เราจึงต้องใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อและควรตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจที่จะเชื่อหรือไม่เชื่ออะไร 


อย่างในกรณีสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้เขียนนี้ น่าสนใจที่มีบางคนรู้จักกับผู้เขียนและรู้ช่องทางติดต่อกับผู้เขียนแต่กลับเลือกที่จะเชื่อว่าผู้เขียนกับ “คนชื่อซ้ำ” ที่เห็นเป็นคนเดียวกัน โดยไม่ไตร่ตรองว่ามันมีความเป็นไปได้หรือไม่และไม่คิดจะมาถามหาข้อเท็จจริงจากผู้เขียน เป็นไปได้ว่าเขาอาจไม่สนใจข้อเท็จจริงแต่แรกและเลือกที่จะเชื่อสิ่งที่เห็นทันทีเพราะมันถูกจริตของตนเองมากกว่า การใช้ตรรกะแบบนี้อันตรายเพราะมันทำให้ตนเองสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นเหยื่อของข้อมูลเท็จ ก่อนเราจะตัดสินใจเชื่ออะไรจึงควรตรวจสอบก่อนและควรเลือกเชื่อแต่ความจริงแม้มันจะไม่ถูกจริตของตนก็ตาม


เรื่องที่สามคือ “อย่าละโมบ” เหยื่อทุกรายที่ถูก “คนชื่อซ้ำ” หลอกให้โอนเงิน เกิดจากการหลงเชื่อเพราะคิดว่าจะได้ผลกำไรมหาศาลจริงซึ่งคนที่ตกเป็นเหยื่อรูปแบบคล้ายกันนี้มีเยอะมาก ก่อนจะตัดสินใจลงทุนไม่ว่ากับใครหรือในสินทรัพย์ไหนเราควรตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนว่ามันมีความเป็นไปได้หรือไม่? ถ้าผลตอบแทนที่จะได้มาดูเยอะเกินจริงให้สงสัยไว้ก่อนว่า “ถูกหลอก” หรือ “เป็นการพนันมากกว่าการลงทุน” หรือ “มีสิทธิ์สูญเงินฟรี”


ผู้เขียนขอจบบันทึกประสบการณ์ความอัปยศที่ได้จาก “คนชื่อซ้ำ” ไว้แต่เพียงเท่านี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้จะได้ประโยชน์จากมันบ้างไม่มากก็น้อย


ปล. หลังจากที่รู้ว่าแม้ทางเว็บ blacklistseller.com ยอมใส่ข้อความ “ไม่ใช่นักเขียนการ์ตูน” ให้แล้วแต่ลิงก์แรกใน Google จะยังเป็นลิงก์ระบุบัญชีคนโกงอยู่ดี ผู้เขียนคุยกับคนรักว่า “ถ้าเป็นแบบนี้นอกจากให้เขาลบชื่อออกไปเลยทำยังไงลิงก์นี้ถึงหายไปได้ล่ะ?” คนรักตอบง่ายๆ ว่า “เธอก็ทำผลงานอะไรสักอย่างที่คนจะกดเข้าถึงมากกว่าลิงก์นั้นสิ เดี๋ยวมันก็ตกลงไปอยู่ล่างๆ เอง” ฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะหึๆ ผู้เขียนคงต้องทำงานให้หนักกว่านี้ = =”

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ประกาศ... ชื่อโหลทำพิษ ธิดารัตน์ แซ่ตั้ง นักเขียนการ์ตูนไม่เคยไปโกงเงินใคร

มีคำถามมาว่าไปโกงเงินมาเหรอ พอเข้าไปตรวจสอบเป็น "ชื่อซ้ำ" เลขบัญชีนั้นไม่ใช่ กระเบน (เจ๊ธิ)

โปรดระวังหากมีใครอ้างว่าเป็น "ธิดารัตน์ แซ่ตั้ง" เพราะแค่ใน facebook ก็เจอชื่อนี้เพียบเลย เคยไปตรวจสอบบัญชีกับกรุงไทย ชื่อนี้มีเกิน 3-4 หน้ากระดาษ A4 คือซ้ำเยอะมากๆ 

หากมีอะไรเคาะมาถาม, โทรมาถาม ก่อนทุกครั้งนะ


กระเบน (เจ๊ธิ) ได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว 



ขอยืนยันว่า กระเบน (เจ๊ธิ) ไม่ใช่มิจฉาชีพในเว็บ blacklistseller หากใครสงสัยอะไรให้มาสอบถามโดยตรง อย่าเชื่อและหลงกลคนที่แอบอ้างชื่อ "ธิดารัตน์ แซ่ตั้ง" ไปกระทำผิด

เว็บ https://www.blacklistseller.com ขึ้นประกาศชี้แจงกรณีชื่อ "ธิดารัตน์ แซ่ตั้ง" ซ้ำแล้ว 

ถ้าค้นหาชื่อนามสกุลผู้กระทำผิด "ธิดารัตน์ แซ่ตั้ง" จะมี 12 กรณี (15 พ.ค. 2565) ทั้งหมดมีเลขบัญชีเดียวกัน 

และทั้งหมดไม่ใช่ "ธิดารัตน์ แซ่ตั้ง" (กระเบน) (เจ๊ธิ) (หมวยเล็ก) ที่เป็นนักเขียนการ์ตูน


.......


ชื่อโหลทำพิษ - เมื่อชื่อนามสกุลตัวเองไปอยู่บนเว็บ blacklistseller.com


นับเป็นเรื่องสุดเซ็งในรอบหลายปีของผู้เขียน เมื่อจู่ๆ มีผู้อ่านถามมาว่า “ไปโกงเงินเขามาเหรอ”


พบทราบก็ไปค้นหาใน  Google ช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มวันที่ 8 พ.ค. 2565 ก็เจอ link ที่มีหัวข้อ “ผู้ขายที่ควรระวัง ธิดารัตน์ แซ่ตั้ง...” จริง เมื่อเข้าไปดูที่ link และค้นหาในเว็บ blacklistseller.com ก็พบว่ายังมีกรณีอื่นอีกรวมทั้งหมด 12 รายงาน หลังจากตั้งสติได้ก็เริ่มพิมพ์ข้อความติดต่อผู้ดูแลเพจและเว็บ blacklistseller.com ช่วงเวลาประมาณตีสามของวันที่ 9 พ.ค. 2565 ส่งแคปรูปการค้นชื่อ “ธิดารัตน์ แซ่ตั้ง” ในเฟซบุ๊กว่ามีคนใช้ชื่อนี้ซ้ำให้ผู้ดูแลเพจและเว็บ blacklistseller.com ช่วยแก้ไขรายละเอียด แต่ผู้ดูแลเพจและเว็บ blacklistseller.com ยืนยันต้องแสดงหลักฐานต่างๆ ถึงจะรับเรื่อง ทำให้ต้องออกไปตรวจสอบบัญชีกับธนาคารกสิกรไทย แล้วก็ไปลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เอาหลักฐานมาแจ้งแก้ไขข้อมูลในเว็บ blacklistseller.com อีกรอบ


ต้องขอบคุณผู้อ่านท่านนั้นที่แจ้งเข้ามาเพราะถ้าไม่แจ้งป่านนี้ผู้เขียนก็ยังไม่รู้ว่าคนชื่อซ้ำกับตัวเองไปทำเรื่องจนชื่อไปขึ้นในเว็บ blacklistseller.com และยังโผล่หราตอนค้นหาบน Google แบบนี้ ไม่อยากนึกเลยว่า ก่อนที่ท่านนั้นแจ้งเข้ามาจะมีคนเห็นแต่ไม่มาบอกแล้วเอาไปเผยแพร่ต่อสร้างความเข้าใจผิดไปแล้วแค่ไหน


ถ้าถามความรู้สึก หลักๆ ก็คง “เซ็ง” แบบที่พิมพ์ไปในบรรทัดแรก เพราะแต่ก่อนตอนมีคนเสิร์ชชื่อผู้เขียน ลิงก์แรกๆ ที่ขึ้นมาใน Google คือผลงานของผู้เขียน, ข้อมูลหนังสือ, หรือข้อมูลสารนิพนธ์ในห้องสมุดของผู้เขียน พอ “คนชื่อซ้ำ” ไปก่อเรื่องนี้ลิงก์แรกที่ขึ้นมาเลยกลายเป็น “แบล็กลิสต์คนโกงและเลขบัญชีคนโกงที่ห้ามโอน” ในฐานะนักเขียนถือว่าเป็นความอัปยศแถมยังเป็นความอัปยศจากเหตุที่ตัวเองไม่ได้กระทำ และผู้เขียนจะรับไม่ได้มากสุดหากผู้ที่ไม่รู้ความจริงจะเอาความเท็จไปเผยแพร่ต่อแล้วสร้างความเสื่อมเสียไปถึงครอบครัว, คนรัก, เพื่อนและผู้ใหญ่ที่เคารพ 


ขอบคุณคำแนะนำที่ให้ผู้เขียนเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลแต่ผู้เขียนคงไม่เปลี่ยน เพราะนอกจากต้องยุ่งยากเรื่องเอกสารในอนาคตแล้ว ผู้เขียนยังคิดว่าเราไม่ใช่ผู้กระทำผิดทำไมเราถึงต้องทิ้งชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เพราะการกระทำของใครก็ไม่รู้ คนที่ควรละอายจนต้องเปลี่ยนชื่อคือ “คนชื่อซ้ำ” คนนั้นต่างหาก


ผู้เขียนจึงโกรธคนชื่อซ้ำคนนั้นมากแล้วก็รู้สึกเจ็บใจที่ตัวเองไม่สามารถดำเนินคดีกับคนคนนั้นเพราะไม่ใช่เจ้าทุกข์ที่โดนโกงโดยตรง 


ผู้เขียนสงสัยมากว่าคนที่โดนคนชื่อซ้ำโกงทำไมถึงไม่มีใครไปแจ้งความดำเนินคดีกับคนคนนั้น?  ในบางเว็บบอร์ดขนาดโกงของแค่หลักร้อยบาทเขายังหาทางลากคนโกงไปดำเนินคดีได้ ถ้าผู้เสียหายไปแจ้งความกันสักครึ่งผู้เขียนเชื่อว่าป่านนี้น่าจะลากตัวคนผิดออกมาดำเนินคดีหรือชดใช้เงินคืนได้แล้ว


และถึงผู้เขียนจะเข้าใจเจตนาของเว็บ blacklistseller.com ว่าต้องการประกาศรายชื่อคนโกงเพื่อไม่ให้เกิดเหยื่อเพิ่มจึงไม่คิดจะดำเนินคดีกับทางเว็บที่ทำให้ผู้เขียนเสื่อมเสียชื่อเสียงและแค่ให้เขาเพิ่มคำอธิบายว่า “ไม่ใช่คนที่เป็นนักเขียนการ์ตูน” แต่ผู้เขียนก็ยังรู้สึกเคืองที่ตัวเองอยู่ดีๆ ต้องเสียชื่อเสียงจาก “ระบบกล่าวหา”

 

ที่ว่า “ระบบกล่าวหา” หมายถึงระบบที่ผู้เขียนโดน “กล่าวหา” (โดยไม่เจตนา) จากทางเว็บ blacklistseller.com แล้วต้องหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่เช่นนั้นทางเว็บจะไม่ดำเนินการแก้ข้อความเพื่อปกป้องชื่อเสียงของผู้เขียน ทำให้ผู้เขียนรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นนางสีดาที่อยู่ดีๆ ก็ถูกบังคับให้มาลุยไฟทั้งที่ไม่ใช่เรื่อง


ผู้เขียนเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องของการเตือนภัยจึงไม่ได้ขอให้เอาชื่อออกตั้งแต่ต้น แต่พอขอให้เขาเพิ่มเติมข้อความว่า “ไม่ใช่นักเขียนการ์ตูน” เพื่อปกป้องชื่อเสียงของผู้เขียน แต่ทางเว็บกลับออกตัวย้ำตลอดว่า “จะคงชื่อคนโกงคนนั้นไว้เพื่อเตือนภัย” ราวกับไม่ได้อ่านเจตนาของข้อความที่ผู้เขียนส่งไปและเข้าใจเอาเองว่า “ผู้เขียนอยากให้ลบชื่อออกจากบัญชีคนโกงถาวร” จึงตอบแบบยืนยันที่จะปกป้องสิทธิ์ของเว็บ blacklistseller.com ในการเผยแพร่รายชื่อคนโกงมากกว่าที่จะจริงใจในการช่วยปกป้องชื่อเสียงของผู้ชื่อซ้ำหรือผู้ที่โดนเอาชื่อไปแอบอ้างโดยไม่รู้ที่ได้รับผลกระทบจากเว็บ


การทำความดีด้วยเจตนาดีนั้นน่าสรรเสริญแต่อะไรที่สุดโต่งเกินไปก็ใช่ว่าจะดี เช่นในกรณีนี้การที่ทางเว็บ blacklistseller.com เผยแพร่ข้อมูลคนโกงเพื่อปกป้องไม่ให้คนตกเป็นเหยื่อเพิ่มนับเป็นสิ่งที่ดีก็จริง แต่การที่ทางเว็บลงข้อมูลของ “คนชื่อซ้ำ” ซึ่งทำให้ผู้เขียนเสื่อมเสียชื่อเสียงทางอ้อมแล้ว นอกจากจะไม่มีการแสดงความเสียใจ เห็นใจ หรือแม้แต่ให้คำขอโทษกลับยังเพิ่มภาระให้ผู้เขียนต้องพิสูจน์ตัวเองจึงจะยอมช่วยเพิ่มข้อความปกป้องชื่อเสียงของผู้เขียนอย่างเสียไม่ได้ 


มันชวนให้มองว่าเขา “ติดดี” มากจนเกินไป คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นสิ่งที่ถูกจนไม่สนใจว่าจะมีคนเดือดร้อนจากการกระทำของตนเองหรือไม่ ลองหันกลับมาคิดแบบใจเขาใจเราดูว่าถ้าเป็นชื่อของเขาเองที่ไปซ้ำกับคนโกงจนมีคนเข้าใจผิด จนเกิดความเสียหายต่อตัวเขา เขาจะพอใจกับลักษณะการพูดและการจัดการกับปัญหาของทางเว็บแบบนี้อยู่หรือเปล่า?


ผู้เขียนพยายามมองในแง่ดีว่าที่เขาทำแบบนี้เพราะไม่แน่ใจในสถานะของผู้เขียน และอาจคิดว่าผู้เขียนคือคนโกงคนนั้นที่ปลอมตัวเป็น “คนชื่อซ้ำ” มาเพื่อหลอกให้ทางเว็บเอาชื่อออกจะได้สะดวกในการโกงคนอื่นต่อ แต่ในฐานะที่เป็นสื่อกลางที่มีผู้ใช้เข้าถึงมากก็ควรระมัดระวังในการตรวจสอบและนำเสนอข้อมูลให้มาก ทั้งยังควรมีน้ำใจที่จะกล่าวคำขอโทษหรืออย่างน้อยก็แสดงความเห็นใจต่อผู้เสียหายที่เกิดจากการเผยแพร่ข้อมูลของทางเว็บสักนิด “ไม่ใช่ทำเหมือนไม่ใช่ธุระของตัวเอง”

 

หากยกผลประโยชน์ให้จำเลยคือกรณีของผู้เขียนอาจเป็นกรณีแรกที่มี “คนชื่อซ้ำ” ออกมาแสดงตัวว่าเดือดร้อนจากการเผยแพร่ชื่อคนโกง ผู้เขียนก็ได้แต่หวังว่าทางเว็บ blacklistseller.com จะนำประสบการณ์ที่ได้จากกรณีของผู้เขียนไปปรับปรุงการประกาศรายชื่อคนโกงให้รัดกุมขึ้น เพื่อที่จะไม่มี “คนชื่อซ้ำ” เดือดร้อนจากการเผยแพร่ชื่อคนโกงของทางเว็บอีกเป็นรายที่ 2 


เหตุการณ์นี้ให้บทเรียนผู้เขียนหลายเรื่อง เรื่องแรกคือ “ควรค้นหาชื่อนามสกุลตัวเองบน Google บ้าง” เพราะชื่อเราอาจไปปรากฏบนนั้นในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึงได้ทุกเมื่อ ถึงไม่ใช่เรื่องคนชื่อซ้ำทำอะไรแปลกๆ แต่เคยมีข่าวว่ามีคนถูกมิจฉาชีพนำเอกสารที่หลุดจากที่ต่างๆ ไปทำอะไรแปลกๆ เช่น กู้เงิน 


เรื่องที่สองคือ “อย่าเชื่อสิ่งที่เห็นบนเน็ตโดยไม่ตรวจสอบ” ปัจจุบันมีข้อมูลมากมายบนเน็ตทั้งจริงทั้งเท็จปะปนกัน เราจึงต้องใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อและควรตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจที่จะเชื่อหรือไม่เชื่ออะไร 


อย่างในกรณีสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้เขียนนี้ น่าสนใจที่มีบางคนรู้จักกับผู้เขียนและรู้ช่องทางติดต่อกับผู้เขียนแต่กลับเลือกที่จะเชื่อว่าผู้เขียนกับ “คนชื่อซ้ำ” ที่เห็นเป็นคนเดียวกัน โดยไม่ไตร่ตรองว่ามันมีความเป็นไปได้หรือไม่และไม่คิดจะมาถามหาข้อเท็จจริงจากผู้เขียน เป็นไปได้ว่าเขาอาจไม่สนใจข้อเท็จจริงแต่แรกและเลือกที่จะเชื่อสิ่งที่เห็นทันทีเพราะมันถูกจริตของตนเองมากกว่า การใช้ตรรกะแบบนี้อันตรายเพราะมันทำให้ตนเองสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นเหยื่อของข้อมูลเท็จ ก่อนเราจะตัดสินใจเชื่ออะไรจึงควรตรวจสอบก่อนและควรเลือกเชื่อแต่ความจริงแม้มันจะไม่ถูกจริตของตนก็ตาม


เรื่องที่สามคือ “อย่าละโมบ” เหยื่อทุกรายที่ถูก “คนชื่อซ้ำ” หลอกให้โอนเงิน เกิดจากการหลงเชื่อเพราะคิดว่าจะได้ผลกำไรมหาศาลจริงซึ่งคนที่ตกเป็นเหยื่อรูปแบบคล้ายกันนี้มีเยอะมาก ก่อนจะตัดสินใจลงทุนไม่ว่ากับใครหรือในสินทรัพย์ไหนเราควรตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนว่ามันมีความเป็นไปได้หรือไม่? ถ้าผลตอบแทนที่จะได้มาดูเยอะเกินจริงให้สงสัยไว้ก่อนว่า “ถูกหลอก” หรือ “เป็นการพนันมากกว่าการลงทุน” หรือ “มีสิทธิ์สูญเงินฟรี”


ผู้เขียนขอจบบันทึกประสบการณ์ความอัปยศที่ได้จาก “คนชื่อซ้ำ” ไว้แต่เพียงเท่านี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้จะได้ประโยชน์จากมันบ้างไม่มากก็น้อย


ปล. หลังจากที่รู้ว่าแม้ทางเว็บ blacklistseller.com ยอมใส่ข้อความ “ไม่ใช่นักเขียนการ์ตูน” ให้แล้วแต่ลิงก์แรกใน Google จะยังเป็นลิงก์ระบุบัญชีคนโกงอยู่ดี ผู้เขียนคุยกับคนรักว่า “ถ้าเป็นแบบนี้นอกจากให้เขาลบชื่อออกไปเลยทำยังไงลิงก์นี้ถึงหายไปได้ล่ะ?” คนรักตอบง่ายๆ ว่า “เธอก็ทำผลงานอะไรสักอย่างที่คนจะกดเข้าถึงมากกว่าลิงก์นั้นสิ เดี๋ยวมันก็ตกลงไปอยู่ล่างๆ เอง” ฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะหึๆ ผู้เขียนคงต้องทำงานให้หนักกว่านี้ = =”

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565

ปกตอน 240

 

#delvento ตอน 240 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/248

...

ตอน 240 จะอัพวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ค. 2565 วันแรงงาน นะคะ มาอัพแจ้งก่อน 

...

ศิลปินจีนคนหนึ่งที่ตามอยู่มักจะพูดเสมอว่า "ความพยายามไม่ได้รับประกันว่าจะต้องสำเร็จ แต่ทุกความสำเร็จต้องมีความพยายามเป็นส่วนประกอบ" บิลเกตต์เคยบอกว่า "จะตัดต้นไม้สักต้นต้องใช้เวลา 80% ลับขวาน" เลยทำให้คิดว่าชีวิตคนเราคือการเตรียมพร้อมที่รอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม เพื่อตอนที่จังหวะและโอกาสนั้นมาถึงจะได้มีความสามารถพอจะคว้ามันไว้

ผู้เขียนเองก็พยายามขัดเขลาตัวเองอยู่ทุกวัน เพื่อเมื่อเวลาที่จังหวะและโอกาสเข้ามาจะได้ไม่เสียใจและใช้สิ่งที่ฝึกฝนสะสมมาให้เต็มที่ ถึงแม้ว่าในอนาคตอาจจะไม่มีจังหวะและโอกาสเข้ามา ตัวเองก็ยังได้ขัดเกลาและพัฒนาให้ดีขึ้นทุกวัน 

นี่สิถึงเรียกว่าใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น

-กระเบน- (เจ๊ธิ) (นักเขียน)