วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563

Merry Christmas (ย้อนหลัง) and Happy New Year 2021

 


ปีใหม่แล้วแอดมินขอแจกของขวัญปีใหม่ค่ะ (รูปอยู่ในโพสตอบด้านล่าง) เป็นหินนางฟ้าสลักทำจากโรสควอตซ์ จำกันได้มั้ยที่แอดมินเคยบอกใครที่ "ซื้อ" Del Vento ทุกตอนให้ inbox มาหาแอดมิน แอดมินจะมีของขวัญชิ้นเล็กๆ สำหรับขอบคุณตอนปีใหม่


ขอบคุณนะคะที่สนับสนุนกันมานาน


Merry Christmas (ย้อนหลัง) and Happy New Year 2021

ขอให้พระอวยพรและคุ้มครองทุกท่าน

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ปกตอน 193

 


#delvento : http://www.comico.in.th/titles/130

ตอน 193 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/201

ตอน 183 : ใช้ RC อ่านได้ : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/191

...

สวัสดี นี่คือ devilray ผู้เขียน ปรกติจะไม่ค่อยโพสต์อะไรแต่คราวนี้มีเรื่องที่ต้องแจ้งให้ผู้อ่านที่ยังติดตาม Del Vento กันอยู่ทราบ


เรื่อง Del Vento กำลังจะจบในปีหน้าเนื่องจากรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ทางบริษัทตั้งไว้


ผู้เขียนและผู้เขียนร่วมได้ขอให้ทางบก. ช่วยคุยกับทางผู้บริหารให้ยืดเวลาออกไปเพื่อที่จะสามารถเขียนได้จบโดยสมบูรณ์ตามที่ตั้งใจไว้แต่มีแนวโน้มสูงว่าจะถูกปฏิเสธ เพราะสำหรับการทำธุรกิจตัวเลขผลกำไรเป็นตัวกำหนดทุกอย่าง เสียงที่ผู้บริหารรับฟังคือ "เสียงผู้อ่าน" ที่เป็นผู้จ่ายเงินสนับสนุนผลงาน ซึ่งถึงผู้เขียนอยากเขียนให้จบสมบูรณ์มากแค่ไหนแต่ถ้าเรื่อง Del Vento ไม่สามารถทำให้ผู้อ่านจ่ายเงินสนับสนุนได้แล้วผู้เขียนก็ต้องขอยอมรับความเป็นจริงนี้


ในระยะเวลาที่เหลืออยู่ ผู้เขียนจะยังคงเขียนอย่างเต็มที่แบบที่ผ่านมาและจะไม่มีการรวบรัดเรื่องเพื่อให้จบลง ซึ่งเนื้อเรื่องดำเนินถึงแค่ไหนก็ได้แค่นั้น หากถามว่า "เพราะอะไร? ทำไมถึงไม่ตัดเรื่องให้ผู้อ่านที่ตามมานานได้อ่านตอนจบ?"


คำตอบคือเรื่อง Del Vento เป็นเรื่องแนวแก๊งสเตอร์ที่มีรายละเอียดมาก แม้ว่าเนื้อเรื่องตอนนี้จะทยอยคลายปมกับตัวละครบางส่วนไปแล้วแต่ก็ยังเหลืออีกหลายจุดที่ยังไม่คลี่คลายตามโครงที่กำหนดไว้ 


หากผู้เขียนพยายามตัดรายละเอียดทุกอย่างเพื่อให้จบลงมันจะกลายเป็นเรื่อง Del Vento ที่พิกลพิการและฉากจบที่ได้ก็จะกลายเป็นแค่การสรุปย่อซึ่งจะทำลายความรู้สึกและความคาดหวังของผู้อ่านที่ผูกพันกับเรื่องนี้มากกว่าการอ่าน Del Vento ที่ไม่จบเสียอีก ผู้เขียนจึงเลือกที่จะคงบรรยากาศและกลิ่นอายของ Del Vento แบบดั้งเดิมไว้แล้วให้ผู้อ่านได้ใช้จินตนาการเติมเต็มส่วนที่เหลือด้วยตัวเองดีกว่าที่ผู้เขียนจะทำลายทุกอย่างทิ้งด้วยการหั่นเรื่องเป็นชิ้นๆ จนเหลือแต่ซาก


ณ จุดนี้ผู้เขียนและผู้เขียนร่วมทำใจไว้แล้วว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด สิ่งที่เสียใจมีเพียงอย่างเดียวคือนี่อาจเป็นคอมมิคเรื่องแรกที่ผู้เขียนเขียนไม่จบ สำหรับนักเขียนแล้วการเขียนงานไม่จบมันคือฝันร้าย


หากมีโอกาสผู้เขียนจะลงเฉลยทุกประเด็นที่ซ่อนไว้ใน Del Vento และเฉลยว่าทำไมผู้เขียนถึงเลือก Del Vento เป็นโจทย์ที่จะเขียนในครั้งนี้ตามที่เคยคอมเมนต์ในส่วนคอมเมนต์นักเขียนเรื่อง Del Vento Chapter 56 


ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ยังคงสนับสนุนและยังอยู่กับผู้เขียนกับผู้เขียนร่วมมาโดยตลอด พวกเราซาบซึ้งใจมาก หวังว่าเราจะยังอยู่ร่วมกันต่อในเวลาที่เหลือ


วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2563

โสเภณีถูกกฎหมาย (6) ประกันสังคมและกฎหมายแรงงาน

ขายตัวถูกกฎหมายใครๆ ก็เป็นโสเภณีได้ง่ายจัง (6)

ข้อโต้แย้งประเด็น “เมื่อถูกกฎหมายโสเภณีจะได้รับสวัสดิการ เข้าถึงประกันสังคมและมีกฎหมายแรงงานคุ้มครอง”

เหตุผลของผู้สนับสนุน - โสเภณีจะได้สามารถเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ของรัฐ เช่น ประกันสังคมได้เหมือนคนอาชีพอื่น, มีกฎหมายแรงงานคุ้มครองไม่ถูกนายจ้างกดขี่เอาเปรียบ



ภาพจากเฟซบุ๊กและเว็บประกันสังคม

 

ความจริงไม่จำเป็นต้องรอให้การค้าประเวณีถูกกฎหมายโสเภณีก็มีประกันสังคมได้เช่นเดียวกับอาชีพรับจ้างหรือฟรีแลนซ์ ด้วยการกรอกเอกสารว่าเป็นอาชีพบริการ ลูกจ้างรายวัน หรืออื่นๆ ที่ใกล้เคียง (แต่หากมีคนยืนยันว่า "ไม่ได้! ฉันภูมิใจในความเป็นโสเภณี ฉันต้องการกรอกว่าฉันเป็นโสเภณีเท่านั้น" นั่นก็อีกเรื่อง) เพียงแต่จะโสเภณีจะยอมอดทนและยอมเหนื่อยเหมือนอาชีพอื่นเพื่อทำให้ครบเงื่อนไขหรือไม่

ผู้เขียนขอให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับระบบประกันสังคมในประเทศไทยก่อนเผื่อผู้อ่านบางท่านที่ยังไม่มีพื้นความรู้เกี่ยวกับประกันสังคมจะได้เข้าใจ

ในประเทศไทยมีผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมอยู่ 3 แบบ คือ ในมาตรา 33, มาตรา39 และ มาตรา 40



ภาพจากเฟซบุ๊กและเว็บประกันสังคม


มาตรา 40

- เป็นมาตราที่ออกแบบสำหรับแรงงานนอกระบบ เช่น พ่อค้าแม่ค้า เกษตรกร ฟรีแลนซ์ วินมอเตอร์ไซด์ อาชีพอิสระอื่นๆ

- การจ่ายเงินสมทบผู้ประกันตนมี 3 ทางเลือก คือ 70, 100, 300 บาทต่อเดือน

- สิทธิประโยชน์ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เลือกที่จ่าย แบบสูงสุดจะได้เงินทดแทนรายได้, ทุพพลภาพ, สงเคราะห์บุตร, ชรา, ตาย

- เงื่อนไขการสมัครคือต้อง มีสัญชาติไทย (หรือผู้ที่ลงทะเบียนแรงงานต่างด้าว) , อายุ 15-65 ปี, ไม่อยู่ในประกันสังคมมาตราอื่น, ไม่มีกองทุนของราชการหรือรัฐวิสาหกิจ, ไม่ใช่ผู้พิการ

- หากต้องการรับการรักษาพยาบาลต้องไปใช้สิทธิ์บัตร 30 บาทรักษาทุกโรค (ของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า)

- หากต้องการเน้นการออมเงินเพื่อเกษียณอายุอย่างเดียวไม่ได้ต้องการสิทธิ์อื่นๆ ผู้เขียนแนะนำกองทุน กอช. (กองทุนการออมแห่งชาติ) เพราะรัฐสนับสนุนด้านการออมเงินเพื่อการเกษียณมากกว่าการออมกับประกันสังคม

ผู้ขายตัวเป็นอาชีพหลักสามารถสมัครมาตรา 40 ได้เลยโดยไม่มีเงื่อนไขพิเศษ ซึ่งการรักษาพยาบาลต้องใช้สิทธิ์ของบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค (ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าสิทธิ์ของบัตร 30 บาทรักษาทุกโรคครอบคลุมการรักษาดีกว่าสิทธิ์ของประกันสังคมอีก แต่ข้อเสียของบัตร 30 บาทรักษาทุกโรคคือสถานพยาบาลใกล้บ้านมีน้อยและคนใช้บริการมีจำนวนมาก)



ภาพจากเฟซบุ๊กและเว็บประกันสังคม

 

มาตรา 39

- เป็นมาตราที่ออกแบบสำหรับผู้ที่เคยทำงานในระบบเอกชนมาก่อนและลาออกซึ่งต้องการส่งเงินสมทบผู้ประกันตนต่อเอง

- การจ่ายเงินสมทบผู้ประกันตน คือ 432 บาทต่อเดือน

- สิทธิประโยชน์จะได้ การรักษาพยาบาล, คลอดบุตร, ทุพพลภาพ, สงเคราะห์บุตร, ชรา, ตาย

- เงื่อนไขการสมัคร คือ ต้องเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มาก่อนอย่างน้อย 12 เดือน

- หากต้องการรับการรักษาพยาบาล ผู้ประกันตนมาตรา 39 มีสิทธิ์เข้ารับการรักษาตามสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม

- ไม่มีเงินชดเชยการว่างงาน

ผู้ขายตัวที่อยากได้สิทธิ์การรักษาพยาบาลของประกันสังคมมาตรา 39 นี้ จะต้องเหนื่อยขึ้นอีกนิดคือ คุณต้องอดทนอยู่ในระบบแรงงานเอกชนอย่างน้อย 12 เดือน ซึ่งผู้ขายตัวแบบสมัครใจที่เป็นไซด์ไลน์ส่วนใหญ่ก็มีความรู้ความสามารถมากพอจะเข้าไปทำงานในระบบได้อยู่แล้วเพียงแต่คุณจะยอมเข้าระบบเพื่อทำประกันสังคมหรือไม่เท่านั้น

แต่สำหรับโสเภณีที่ไม่ได้เต็มใจมาขายตัวคงเข้าเงื่อนไขของมาตรานี้ยาก เพราะแต่เดิมโสเภณีกลุ่มหลังนี้ไม่เคยมีทางเลือกในชีวิตและส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประกันสังคมคืออะไร บัตร 30 บาทรักษาทุกโรคคืออะไร และจะหวังให้แมงดาหรือซ่องช่วยเป็นธุระพาไปทำประกันสังคมก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่



ภาพจากเฟซบุ๊กและเว็บประกันสังคม


มาตรา 33

- เป็นมาตราสำหรับผู้ที่ทำงานในระบบเอกชน

- การจ่ายเงินสมทบผู้ประกันตน คือ 750 บาทต่อเดือน บริษัทสมทบอีก 750 บาทต่อเดือน (คิดจากอัตราสูงสุดของฐานเงินเดือน 15,000 บาท หากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายจำนวนเงินสมทบจะมีการเปลี่ยนแปลง)

- สิทธิประโยชน์ที่ได้ คือ ได้รับเงินชดเชยการว่างงาน, การรักษาพยาบาล, คลอดบุตร, ทุพพลภาพ, สงเคราะห์บุตร, ชรา, ตาย

- เงื่อนไขการสมัครคือต้องเป็นผู้ที่ทำงานในระบบเอกชน

ผู้ขายตัวที่จะอยู่ในมาตรา 33 นี้ได้ คือ ผู้ที่มีงานประจำและมีสิทธิ์ประกันสังคมตามระบบบริษัทที่ตนสังกัดอยู่แล้ว

แต่หากคุณไม่ชื่นชมงานบริษัทเอกชนที่คุณทำประจำอยู่แล้วอยากลาออกจากงานประจำเพื่อมาค้ากามเต็มตัว คุณก็แค่อดทนทำงานประจำอยู่ที่เก่าให้ได้อย่างน้อย 1 ปีแล้วลาออกมาส่งเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 ต่อ เท่านี้คุณก็จะได้สิทธิ์ประกันสังคมเกือบเท่าเดิม (ยกเว้น ค่าชดเชยการว่างงาน)

จากข้อมูลประกันสังคมในประเทศไทยที่ผู้เขียนสรุปมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า แม้การค้ากามจะยังไม่ถูกกฎหมายในประเทศไทยแต่โสเภณีก็ยังสามารถเข้าถึงระบบประกันสังคมมาตรา 40 และ 39 ได้เหมือนอาชีพอิสระอื่นๆ ขนาดแม่ค้าแผงลอย กรรมกร มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ไม่รู้หนังสือยังสามารถเข้าถึงระบบประกันสังคมได้ ถ้าผู้ขายตัวอยากจะทำประกันสังคมกันจริงๆ ทำไมผู้อยากขายตัวจะเข้าถึงประกันสังคมในระบบเดียวกันไม่ได้

จึงเข้าใจได้ว่าสิทธิ์ของประกันสังคมที่ผู้อยากขายตัวเรียกร้องอยากได้มาโดยตลอดคือสิทธิ์ของประกันสังคมมาตรา 33 ที่ได้รับสิทธิมากกว่าอีก 2 มาตรา

หากการที่ผู้ขายตัวออกมาเรียกร้องให้มีโสเภณีถูกกฎหมายก็เพื่อให้ผู้ขายตัวมีสิทธิ์ของประกันสังคมมาตรา 33 โดยไม่ต้องทำงานประจำ นั่นคือ ผู้ที่เรียกร้องอยากขายตัวเหล่านั้นต้องการได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าอาชีพอื่นๆ และ มีอภิสิทธิ์เหนือผู้ประกันตนทุกมาตรา (มาตรา 33, 39, 40) ซึ่งเป็นการเอาเปรียบและดูหมิ่นเกียรติของแรงงานอาชีพอื่นๆ ที่ต้องทนอยู่ในระบบเพื่อให้ได้รับสิทธิ์เหล่านี้



ภาพจาก https://www.mol.go.th

 

เงื่อนไขสำคัญของการจะได้รับสิทธิ์ประกันสังคมตามมาตรา 33 คือจะต้องทำงานในองค์กรเอกชนที่ถูกกฎหมายเท่านั้น นั่นคือหากโสเภณีคนใดต้องการสิทธิ์ตามมาตรา 33 โสเภณีคนนั้นจะต้องบรรจุเข้าทำงานใน "ซ่อง" หรือ "สถานบริการทางเพศ" ที่ถูกกฎหมายก่อน

ซึ่งระเบียบการทำงานในองค์กรเอกชนที่จะเข้าเงื่อนไขได้สิทธิตามมาตรา 33 คือ ต้องเข้างานตามเวลาที่กำหนด, มีวันทำงานและวันหยุดตามกฎหมายแรงงาน, งานที่นายจ้างสั่งต้องทำตามนั้น หากไม่ทำหรือทำไม่ได้ก็โดนหักเงินเดือนหรือไล่ออก

ผู้ทำงานในบริษัทเอกชนไม่สามารถเลือกเวลาทำงานตามใจตัวเองได้, เลือกงานหรือปฏิเสธงานที่เจ้านายมอบให้ไม่ได้,ทำงานเกินเวลาโดยที่ไม่ได้ค่าตอบแทนเป็นเรื่องปกติ, ถูกตามตัวให้มาทำงานนอกเวลางานหรือวันหยุดเป็นเรื่องปกติ, ต้องพบกับการโดนเอาเปรียบจากนายจ้างและได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมแต่ก็ต้องอดทนหากไม่อยากตกงาน เหล่านี้คือรสชาติชีวิตมนุษย์เงินเดือนมาตรา 33

หากจะเรียกร้องให้การค้ากามและโสเภณีถูกกฎหมายแล้วซ่องหรืออาบอบนวดมีรูปแบบเป็นองค์กรเอกชน นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโสเภณีผู้เป็นลูกจ้างในระบบ

- เมื่ออยู่ในองค์กรคุณจะมีนายจ้างและนายจ้างจะเป็นคนเลือกลูกค้าให้คุณ คุณไม่มีสิทธิ์เลือกแขกอย่างอิสระหรือมีสิทธิ์ปฏิเสธลูกค้าที่นายจ้างจัดมา

- คุณไม่มีสิทธิ์เลือกเวลาทำงานได้อย่างอิสระ ต้องทำงานตามวันที่บริษัทกำหนดและมีวันหยุดตามกฎหมายแรงงาน

- วันไหนคุณลาหยุดคุณอาจไม่ได้เงินค่าจ้าง บางบริษัทนับวันลาของคุณเพื่อหักเงินชดเชยวันที่คุณหยุด

- คุณจะเจอค่าภาษีสังคมจากบริษัทที่สารพัดจะอ้างขึ้นมาเพื่อหักค่าแรงคุณ เช่น ค่าชุดเครื่องแบบพนักงาน, ค่าเงินประกันความเสียหาย , ค่าของใช้ส่วนตัว (ที่ถูกบังคับซื้อจากบริษัท)

- เมื่อคุณทำงานล่วงเวลาหรือนอกเวลาคุณอาจไม่ได้เบี้ยเลี้ยงเพิ่มเพราะไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะให้ และคุณอาจโดนนายจ้างใช้คุณ “ทำงานล่วงเวลา” ส่วนตัวให้กับนายจ้างหรือคนที่นายจ้างต้องการรับรองโดยที่คุณเรียกร้องอะไรเพิ่มไม่ได้



https://seminardd.com/upload/F5V457WKOTD00W9ZYH6CJGFHX_small.jpg

 

- คุณอาจต้องผิดหวังหากคิดว่ากฎหมายแรงงานจะสามารถบังคับให้นายจ้างปฏิบัติต่อคุณอย่างเป็นธรรม ขนาดพนักงานเอกชนอาชีพอื่นๆ ยังไม่เคยเอาชนะนายจ้างได้ อาชีพโสเภณีจะมีสิทธิ์พิเศษอะไรที่นายจ้างจะต้องเอาใจหรือถนอมความรู้สึกเพื่อให้ภักดีกับองค์กร

ทุกองค์กรต่างต้องการผลกำไรและในเมื่อค่าจ้างคือหนึ่งในต้นทุนเขาก็ต้องใช้คุณทำงานให้เขามากที่สุด หากคุณทำไม่ได้เขาก็เอาคุณออกแล้วหาคนอื่นมาเสียบแทน ยิ่งงานประเภท "ขายตัว" ที่เน้นความสาวความสวยสดซิงมากกว่าฝีมือหรือประสบการณ์ นายจ้างยิ่งยินดีหาสาวสวยหน้าใหม่ที่มีอยู่ดาษดื่นมาเสียบแทนคุณที่เรื่องมากจะเรียกร้องเอานู้นเอานี่ อย่าลืมว่าชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย อย่าสำคัญผิดว่าคุณมีจิ๋มทองคำที่ผู้ชายทุกคนจะต้องมาง้อขอมีอะไรกับคุณ ถ้าคุณเล่นตัวมากเขาก็แค่ถีบหัวส่งแล้วไปหาคนอื่น

- อย่าหวังว่านายจ้างจะออกค่ารักษาพยาบาลให้ มีบริษัทเอกชนจำนวนมากให้พนักงานไปใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลของประกันสังคมโดยไม่มีการช่วยอะไรเพิ่มเลย



https://moneyhub.in.th/article/work-probation/

 

- อย่าหวังว่านายจ้างจะชดเชยหากมีการไล่ออกหรือลาออก นายจ้างพร้อมจะยัดข้อหาการทำงานพลาดหรือข้อหาร้ายแรงอื่นๆ ให้กับคุณเมื่อเขาจะไม่เอาคุณไว้ซึ่งอาจทำให้คุณหมดสิทธิ์ขอเงินชดเชยจากประกันสังคมด้วยซ้ำ เช่น การยัดข้อหายักยอกเงินจากลูกค้าถ้าลูกค้าให้ทิปส่วนตัวกับคุณ

เรื่องการอมค่าทิปดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ปกติใครๆ ก็ทำกันและนายจ้างมักจะทำเป็นไม่เห็นไม่ว่าอะไร แต่ถ้าเขาจะเอาคุณออกเมื่อไรมันจะถูกยกมาใช้ทันที ซึ่งมันเป็นข้อหาร้ายแรงพอที่ทำให้นายจ้างสามารถไล่คุณออกได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย (แถมประกันสังคมจะไม่ชดเชยเงินว่างงานให้ถ้าคุณโดนไล่ออกข้อหาเกี่ยวกับฉ้อโกงหรือลักทรัพย์บริษัท)

และนายจ้างชั้นเลวบางคนยังสามารถเล่นแง่ไล่คุณออกก่อนจบช่วงทดลองงานได้ด้วยเพื่อที่นายจ้างจะได้ไม่ต้องทำประกันสังคมให้คุณหรือจ่ายค่าชดเชยใดๆ เพียงใช้ข้ออ้างว่าคุณ "ทดลองงานไม่ผ่าน"

ผู้เขียนขอให้ความรู้เพิ่ม ปกติการทำงานทั่วไปขององค์กรเอกชนมักจะมีการทดลองทำงานตั้งแต่ 1 วัน - 3 เดือน ซึ่งจะมีการจ่ายค่าแรงส่วนหนึ่ง,เต็มจำนวนหรือไม่จ่ายเลยขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หากยังอยู่ในช่วงทดลองงานบริษัทจะไม่ขึ้นทะเบียนเป็นลูกจ้างประจำและจะไม่ทำประกันสังคมให้ ผู้ทดลองงานจะมีสถานะเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวจ่ายค่าแรงเป็นรายวันตามกฎหมายค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งลูกจ้างอาจจะได้รับทุกวัน, สัปดาห์หรือครบเดือนค่อยได้ ขึ้นอยู่กับระบบของบริษัทนั้นๆ

ระยะเวลาทดลองงานส่วนใหญ่อยู่ที่ 3 เดือน หากคุณไม่เด็ดพอก็อาจโดนเขี่ยออกพร้อมกับเงินชดเชยเพียงน้อยนิด

โดยปกติแล้วเด็กนั่งดริ๊งค์ทั่วไปจะอยู่ร้านเดิมนานราวๆ 3-6 เดือนแล้วค่อยย้ายร้านไปอยู่ร้านใหม่เพื่อไปเป็น "เด็กหน้าใหม่" ของที่อื่นต่อหมุนเวียนกันไป โดยมักจะเริ่มจากตัวเมืองกรุงเทพฯ เขตใน, กรุงเทพฯ เขตนอก, จังหวัดข้างเคียง, จังหวัดท่องเที่ยว, จังหวัดหัวเมืองใหญ่, และสุดท้ายจังหวัดชายแดน มีบ้างที่ต้องออกไปทำงานต่างประเทศ

เด็กนั่งดริ๊งค์ที่เด็ดจริงลูกค้าเยอะก็อาจจะอยู่ร้านเดิมได้ถึง 1 ปีแต่ไม่เกินจากนั้นเพราะจะกลายเป็นของเก่าที่ลูกค้าไม่สนใจเรียกมานั่งด้วยแล้ว

ช่วงทดลองงาน 3 เดือนก็คือจังหวะที่นายจ้างบางคนใช้ช่องโหว่เพื่อหาประโยชน์จากผู้ทดลองงานแล้วรีบถีบหัวส่งก่อนครบ 3 เดือนนั่นเอง

เล่ห์เหลี่ยมของนายจ้างมีมากมายกว่าที่คุณคิด ยิ่งในวงการที่ขายผู้หญิงเป็นสินค้าก็อย่าหวังว่าเขาจะเห็นใจ

หากผู้เรียกร้องอยากขายตัวหวังว่าขายตัวเป็นอาชีพแล้วจะได้วางตัวสวยๆ เก๋ๆ รับงานโดยถือคติ "ฉันเลือกแขกได้ ฉันเลือกเวลาทำงานได้ ฉันเป็นนายของตัวเองไม่มีใครมาบังคับฉันได้" แล้วจะได้รับสิทธิประโยชน์หรูหรากว่าอาชีพอื่นเพียงเพราะคุณเป็นคนขายจิ๋มนั่นคือ คุณกำลังฝัน

ขนาดพนักงานเอกชนอาชีพอื่นๆ กฎหมายแรงงานยังคุ้มครองไม่ทั่วถึงและโดนนายจ้างใช้ช่องโหว่เอาเปรียบอยู่เป็นนิจ คุณคิดหรือว่าเมื่อโสเภณีถูกกฎหมายแล้วอยู่ในระบบการจ้างงานแบบเอกชนกฎหมายแรงงานจะช่วยเหลืออาชีพโสเภณีได้จริง



ภาพข่าวหญิงเยอรมันปฏิเสธงานค้ากามจึงถูกยกเลิกสิทธิ์ได้รับเงินชดเชยการว่างงาน จากเว็บข่าว (ที่ต้องเสียเงินอ่าน) The Telegraph

 

ยกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นจริงจากประเทศที่การค้ากามถูกกฎหมาย นายจ้างประกาศรับสมัครงานตำแหน่งพนักงานหญิง, สาวเสิร์ฟ, แคชเชียร์หญิง แต่เมื่อได้ลูกจ้างผู้หญิงตามที่ต้องการแล้วก็บังคับให้ลูกจ้างหญิงไปขึ้นทะเบียนเป็น "ผู้ขายบริการทางเพศ" เพื่อมารับแขกของร้าน ถ้าลูกจ้างหญิงไม่ยอมขึ้นทะเบียนหรือไม่ยอมรับแขกก็ข่มขู่, บีบบังคับให้ลูกจ้างลาออกหรือไล่ออกโดยไม่มีค่าชดเชยให้

นี่คือเล่ห์เหลี่ยมส่วนหนึ่งของนายจ้างที่เล่นแง่บีบบังคับให้หญิงที่ไม่อยากขายตัวต้องมาขาย และต่อให้เป็นหญิงที่เต็มใจขายตัวเมื่ออยู่ในซ่องแล้วนายจ้างก็พร้อมหาวิธีเอาเปรียบได้อีกสารพัดจนคุณคิดไม่ถึง

ปัจจุบัน ลูกจ้างส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานน้อยมาก ขนาดคนที่จบปริญญาตรีหลายต่อหลายคนยังไม่รู้เรื่องพื้นฐานที่แรงงานต้องรู้เลยหรือต่อให้รู้ลูกจ้างจำนวนมากก็ยังต้องจำยอมให้นายจ้างกดขี่ด้วยเหตุผลต่างๆ ฉะนั้นการฝันอย่างโลกสวยว่า "ถ้าค้ากามถูกกฎหมายแล้ว ผู้หญิง, แรงงานหญิง จนถึงโสเภณีถูกกฎหมายจะรู้ถึงสิทธิ์ของตัวเองแล้วพร้อมใจกันออกมาฟ้องร้องนายจ้างเมื่อโดนกดขี่" นั้นยิ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในโลกของความเป็นจริง

หรือต่อให้มีคนกล้ารวมตัวกันไปยื่นเรื่องร้องทุกข์กับกระทรวงแรงงานหรือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องก็คงยากที่จะได้รับความช่วยเหลืออย่างจริงจังหรือได้รับความเป็นธรรมอย่างรวดเร็ว เพราะที่ผ่านมาขนาดลูกจ้างอาชีพอื่นๆ ที่มีความรู้เรื่องกฎหมายแรงงานก็ยังมีน้อยมากที่จะสู้คดีชนะนายจ้าง อย่าลืมว่านายจ้างกระเป๋าเงินใหญ่กว่าลูกจ้างเสมอ เขาสามารถหาทนายเก่งๆ มาสู้กับลูกจ้างได้สบายหรือจะยื้อคดีเป็นปีเขาก็ไม่เดือดร้อน ลูกจ้างเหล่านั้นต่างหากที่จะต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาไปกับการสู้คดีจนในที่สุดแพ้ภัยตัวเองไม่ยอมสู้ต่อเกือบทั้งนั้น

ลูกจ้างส่วนใหญ่จึงยังต้องยอมก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปแม้ว่าจะถูกกดขี่เพราะไม่อยากมีปัญหาและไม่อยากตกงาน

ฉะนั้นต่อให้การค้ากามหรือซ่องเป็นองค์กรการค้าถูกกฎหมายก็ไม่มีทางเปลี่ยนให้สภาพแวดล้อมในการทำงานของโสเภณีในซ่องให้ดีขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ปกตอน 192

 

#delvento : http://www.comico.in.th/titles/130

ตอน 192 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/200

ตอน 182 : ใช้ RC อ่านได้ : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/190

...

ตอน 192 อัพแล้วนะคะ แต่ระบบมันขึ้นหยุดซึ่งวันจันทร์จะบอกบก.อีกที 


หรืออาทิตย์หยุดจริงๆ ดี แหะๆๆๆ

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2563

โสเภณีถูกกฎหมาย (5) เกียรติและศักดิ์ศรี

ขายตัวถูกกฎหมายใครๆ ก็เป็นโสเภณีได้ง่ายจัง (5)


ข้อโต้แย้งประเด็น “โสเภณีเป็นอาชีพมีเกียรติมีศักดิ์ศรีและสมควรได้รับการยกย่องเหมือนอาชีพอื่นๆ”


เหตุผลของผู้สนับสนุน - โสเภณีจะได้ทำการค้าได้อย่างเปิดเผยเหมือนอาชีพอื่น มีศักดิ์ศรี มีเกียรติ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ให้คนในสังคมดูถูก


การทำให้การค้าประเวณีถูกกฎหมายและการทำให้โสเภณีเป็นอาชีพถูกกฎหมายในทางทฤษฎีอาจดูเหมือนช่วยโสเภณีให้มีเกียรติหรือมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ในทางปฏิบัติสิ่งเหล่านี้แทบจะไม่ได้ช่วยให้คนที่เป็นโสเภณีอยู่แล้วมีเกียรติหรือมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นเลย



meme บนอินเทอร์เน็ตที่ผู้ชายในต่างประเทศทำขึ้นเพื่อประชดส่อเสียดดูถูกผู้หญิงสมัยนี้ว่า แทนที่จะรักดีเรียนจบแล้วทำงานแต่ส่วนใหญ่ดันอยากรวยลัดด้วยการขายตัว, แก้ผ้าโชว์หวิวบนแอพฯ ดังแห่งหนึ่ง


คำว่า "กะหรี่" (whore, slut) ยังคงเป็นคำด่ายอดนิยมที่คนทั่วโลกโดยเฉพาะผู้ชายใช้ด่าและเหยียดหยามผู้หญิง


ขณะที่ผู้ชายในประเทศที่การค้ากามถูกกฎหมายสามารถเข้าถึงสื่อลามกและซื้อบริการทางเพศได้อย่างเสรี เคยชินกับการที่ผู้หญิงค้าบริการทางเพศ และเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากวงจรค้ากามมานานแล้ว แต่พวกเขากลับยังคงใช้คำว่า "กะหรี่" ด่าเหยียด ผู้หญิงที่พวกเขาไม่ชอบ, ผู้หญิงในสื่อลามกที่พวกเขาเสพและโสเภณีที่พวกเขาซื้อบริการ


นั่นเป็นเครื่องแสดงว่าในสายตาของคนในประเทศ free sex ที่การค้ากามถูกกฎหมายแล้ว โสเภณี ผู้หญิงขายตัว หรือผู้หญิงที่มีคู่นอนจำนวนมากยังคงถูกมองเป็นแค่วัตถุทางเพศ ถูกด้อยค่าและเป็นที่น่ารังเกียจ



meme บนอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศ ที่ผู้ชายทำขึ้นเพื่อล้อเลียนกึ่งดูถูกผู้หญิงหัวก้าวหน้า (วิกผมสีรุ้งเป็นสัญลักษณ์สนับสนุน LGBT) ที่ขายรูปโป๊ตัวเองบนแอพฯ ดังแห่งหนึ่งว่า "คุณสมบัติอย่างเดียวที่ฉันมีคือมีรู (ไว้ร่วมเพศ)" 


คนทั่วไปแม้ในประเทศที่ธุรกิจค้ากามถูกกฎหมายมานานแล้ว หากพบว่าหญิงที่ตนรู้จักเคยขายตัวมาก่อนส่วนใหญ่ก็ยังรังเกียจ หญิงเหล่านั้นมักถูกผู้ชายแบล็กเมลให้จ่ายค่าปิดปากหรือข่มขู่ให้ยอมหลับนอนด้วย หากไม่อยากให้ความลับเรื่องที่เคยขายตัวมาก่อนเปิดเผย 


ปัจจุบันเศรษฐกิจแบบทุนนิยมกระตุ้นความต้องการทางวัตถุเป็นตัวเร่งให้เด็กผู้หญิงอายุน้อยจำนวนมากเข้าสู่วงจรค้ากาม หรือถ่ายรูป, คลิปโป๊เพื่อขาย เพราะคิดสั้นๆ ว่ามันได้เงินง่ายและเป็นงานสบาย ปลอดภัย ไม่มีอะไรให้เสีย หลายคนคิดว่าจะทำแค่ไม่กี่ครั้งให้พอเก็บเงินได้แล้วจะเลิกไปทำอย่างอื่น แต่เด็กสาวเหล่านั้นไม่ตระหนักเลยว่าหากเรื่องที่ตัวเองเคยขายตัว, ถ่ายรูปหรือคลิปโป๊หลุดออกไป คนส่วนใหญ่สังคมโดยเฉพาะผู้ชายจะดูถูกเหยียบย่ำจนแทบจะไม่มีที่ยืนในสังคมได้อีก


แม้กระทั่งในประเทศที่การค้ากามถูกกฎหมาย ผู้หญิงหลายคนต้องเสียอนาคต ประกอบอาชีพอื่นไม่ได้ ไม่มีใครยอมจ้างงาน อยู่ที่อยู่เดิมนานๆ ไม่ได้ต้องเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยๆ หรือไม่มีใครอยากมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนด้วย เพราะถูกตราหน้าว่าเป็น "ผู้หญิงขายตัว" สำส่อน เป็นของที่ถูกใช้งานแล้ว ผ่านผู้ชายจนยับเยินไม่มีใครเอา


นี่เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าต่อให้มีกฎหมายอนุญาตให้ค้ากามเสรีก็ไม่ได้ช่วยให้คนในสังคมมองหญิงขายตัวดีขึ้นมาเลย หากเคยขายตัวหรือถ่ายโป๊มาก่อนแม้แค่ครั้งเดียว ต่อให้เลิกแล้วและทำคุณงามความดีมากแค่ไหน เรื่องที่เคยขายตัวหรือถ่ายโป๊ยังต้องเก็บเป็นความลับต่อไป หากไม่อยากถูกรังเกียจหรือกีดกันออกจากสังคม แต่ส่วนใหญ่มักจะปกปิดไม่สำเร็จเรื่องที่เคยขายตัวหรือถ่ายโป๊จะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาโจมตีในวันที่ผู้หญิงคนนั้นประสบความสำเร็จเสมอ



รูปและข้อมูลจาก https://www.newstalkzb.co.nz/news/national/catherine-healy-becomes-a-dame/


ที่นิวซีแลนด์มีข่าวว่าอดีตโสเภณีซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็นนักเคลื่อนไหวชื่อ Catherine Healy ได้ตำแหน่ง Dame จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร


"Dame" เป็นตำแหน่งที่มอบให้ผู้หญิงที่ทำผลงานให้ประเทศอังกฤษเหมือนกับตำแหน่ง "Sir" ที่มอบให้ผู้ชาย


มีฝ่ายเรียกร้องให้ค้ากามถูกกฎหมายได้นำกรณีของ Catherine Healy มาอ้างว่า โสเภณีก็สามารถมีเกียรติและสามารถถูกยกย่องขึ้นมาเป็น "Dame" ได้ โดยไม่พูดถึงเหตุผลที่ทำให้เธอได้ตำแหน่ง "Dame" 


Catherine Healy ได้ตำแหน่ง "Dame" เพราะเธอมีผลงานด้านการเรียกร้องให้ผู้หญิงโสเภณีมีความปลอดภัย ไม่ต้องเจอความรุนแรงตอนทำงาน เรียกร้องให้มีการดูแลเรื่องสุขอนามัยและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเรียกร้องให้ใส่ใจเรื่องสิทธิความเป็นมนุษย์ของผู้หญิงที่ทำงานค้ากาม จนทำให้รัฐบาลนิวซีแลนด์เข้ามาดูแลเรื่องการค้าบริการทางเพศอย่างจริงจัง


นั่นคือเธอได้ตำแหน่ง "Dame" จากการที่เธอทำงานเป็นนักเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิให้กับโสเภณี ไม่ใช่เพราะเธอเป็นโสเภณี


แต่น่าเกลียดที่บทความจำนวนมากบิดเบือนข้อเท็จจริงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า "ควีนเอลิซาเบธที่ 2 มอบตำแหน่ง "Dame"  ให้โสเภณี" เพราะเธอเป็นสุดยอดโสเภณีที่มีคุณสมบัติของโสเภณีดีเด่น เช่น มียอดขายสูง ลีลาเด็ด ชั่วโมงทำงานมานาน


แต่การได้ตำแหน่ง "Dame" ของ Catherine Healy ก็ไม่ได้ช่วยยกระดับหรือส่งเสริมให้โสเภณีมีเกียรติหรือศักดิ์ศรีมากขึ้นในสายตาของคนในสังคมอย่างที่ฝ่ายเรียกร้องให้ค้ากามถูกกฎหมายกล่าวอ้าง



ภาพจากสื่อข่าว เมื่อเกิดกรณีผู้หญิงถูกรุมข่มขืน คนในสังคมส่วนหนึ่งพร้อมจะโทษเหยื่อ (victim blaming) ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการข่มขืน และหนึ่งในสาเหตุยอดนิยมที่ถูกใช้ในการปรักปรำเหยื่อคือ "เป็นผู้หญิงขายตัว" หรือ "ตกลงค่าตัวกันไม่ได้" ในกรณีของข่าวนี้ไม่ได้ฟันธงว่า "มีการข่มขืนเกิดขึ้นจริงหรือไม่" แต่จะให้ดูทัศนคติของคนทั่วไปที่มีต่อข่าว โดยเฉพาะผู้ชายที่ยังคงเหยียดหยามโสเภณี คิดว่าการที่โสเภณีถูกทำร้าย, คุกคามทางเพศ กระทั่งถูกข่มขืน เป็นเรื่องปกติและมองว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเพราะก็แค่โสเภณีโก่งค่าตัว


จากกรณีศึกษาของ Germany model ที่เคยกล่าวไว้ในตอนที่ 3 จะเห็นได้ว่า แนวคิดของนักการเมืองเยอรมนีช่วงที่อนุมัติให้การค้ากามถูกกฎหมายและพยายามยกฐานะให้โสเภณีมีศักดิ์เท่ากับอาชีพอื่นๆ คือต้องการเปิดทางให้โสเภณีได้มีการทำสัญญาว่าจ้างหรือใบรับรองการทำงานแบบพนักงานบริษัท สามารถฟ้องเรียกค่าชดเชยการทำงานได้หรือทำประกันสุขภาพได้ มีกองทุนออมเงินหลังเกษียณหรือสิทธิต่างๆ เหมือนอาชีพอื่น 


แต่ในทางปฏิบัติมันไม่สวยหรูแบบนั้นเพราะข้อเท็จจริงคือเมื่อหญิงที่เคยเป็นโสเภณีเข้าไปสมัครทำงานในอาชีพอื่นส่วนใหญ่จะไม่มีใครยอมรับเข้าทำงาน ไม่มีโสเภณีฟ้องเรียกค่าชดเชยการทำงาน และมีโสเภณีจำนวนน้อยมากที่ยอมไปลงทะเบียนกับหน่วยงานรัฐเพื่อรับสวัสดิการ



sex worker ในเยอรมัน ออกมาถือป้ายประท้วงช่วงปิดเมืองเนื่องจาก COVID-19 ทั้งที่ผู้ขายเหล่านี้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายแต่กลับไม่ได้เงินชดเชยหรือการดูแลจากทั้งรัฐและนายจ้าง

ภาพและข้อมูลจาก https://www.dailymail.co.uk/news/article-8514611/Hamburg-sex-workers-demand-Germanys-brothels-reopen.html


สภาพของเยอรมนีหลังออกกฎหมายให้การค้าบริการทางเพศไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายไม่ได้สวยหรูสำหรับโสเภณีแบบที่ฝ่ายซ้าย (ลิเบอรัล– เสรีนิยม) คิด เพราะคนที่ร่ำรวยและได้ประโยชน์สูงสุดจากกฎหมายอนุญาตค้ากามคือ แมงดา, นายทุน และผู้ชายที่ซื้อบริการ 


ส่วนโสเภณีที่อยู่ในวงจรก็ต้องปากกัดตีนถีบเหมือนเดิมและอาจต้องลำบากขึ้น เพราะเมื่อใครๆ ก็สามารถขายตัวได้อย่างถูกกฎหมาย ทำให้เกิดการบ่าทะลักของผู้หญิงขายตัวทั้งที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายเข้ามาในตลาด จนเกิดการตัดราคากันเอง ปริมาณงานน้อยลง หรืองานเท่าเดิมแต่ได้ค่าตอบแทนน้อยลง 



ภาพภายใน Paradise ซ่องระดับ mega-brothel หนึ่งในนายทุนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากผู้หญิงและวงจรค้ากามถูกกฎหมาย

รูปและข้อมูลจาก http://s.telegraph.co.uk/graphics/projects/welcome-to-paradise/


เคยมีนักข่าวเข้าไปสัมภาษณ์ Jürgen Rudloff เจ้าของซ่อง Paradise ซึ่งเป็นซ่องใหญ่ระดับ mega-brothel (ซ่องขนาดใหญ่มีหลายสาขาในเยอรมัน) ว่า "เขาจะมีความสุขมั้ย หากลูกสาว 2 คนของเขาทำงานที่ Paradise”


เขาตอบว่า "คำถามนี้โหดร้ายมาก ผมไม่อยากดูหมิ่นโสเภณี แต่ผมพยายามเลี้ยงลูกของผมให้เขามีโอกาสทางอาชีพ  โสเภณีส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสเหล่านั้นถึงต้องมาทำงานแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่จินตนาการไม่ได้ แล้วผมก็ไม่อยากคิดถึงมันด้วย"


แม้แต่เจ้าของซ่องขนาดยักษ์ที่มีโสเภณีถูกกฎหมายนับร้อยนับพันทำงานหมุนเวียนอยู่ในนั้น ยังไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองเป็นโสเภณีก็เป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่า ผู้ที่อยู่ในวงการค้ากามเองไม่เคยมองว่า “โสเภณี” เป็นอาชีพที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี หรือสมควรส่งเสริมให้เป็นอาชีพในฝันของผู้หญิงจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงในครอบครัวของตัวเอง อย่างที่พวกลิเบอรัลจินตนาการไว้


วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563

โสเภณีถูกกฎหมาย (4) สิทธิเสรีภาพในการขายตัว

ขายตัวถูกกฎหมายใครๆ ก็เป็นโสเภณีได้ง่ายจัง (4)


ข้อโต้แย้งประเด็น "สิทธิเสรีภาพในการขายตัวควรเป็นของผู้หญิงทุกคน"


เหตุผลของผู้สนับสนุน - การขายตัวเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลนั้นๆ รัฐไม่ควรปิดกั้นการใช้สิทธิของประชาชน


 


ภาพจาก - https://youngmormonfeminists.org/2014/04/22/sex-positive-anti-sex-work-changing-hearts-and-minds-on-prostitution/


โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนยังเชื่อว่าคนส่วนใหญ่อยากเป็นคนดีไม่อยากทำผิด แต่บางช่วงของชีวิตเราอาจไม่มีทางเลือกมากนัก หรืออาจถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องทำสิ่งไม่ดีเพื่อเอาตัวรอด เช่น อย่างเบาๆ ก็โกหกหรือใส่ร้ายคนอื่น หรืออย่างหนักๆ ก็อาจต้องไปกู้หนี้นอกระบบ, ขายตัวหรือขายยา


หากทำด้วยภาวะจำยอมผู้เขียนจะไม่ตัดสินเพราะความจำเป็นของคนเราไม่เหมือนกัน ที่เหลือก็ว่ากันไปตามกฎหมาย 


คนที่ตระหนักรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองจำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอดเป็นสิ่งไม่ดีแล้วพยายามหาทางเลิก คือคนที่น่าเห็นใจและสมควรได้รับโอกาสจากสังคมในการเริ่มต้นใหม่ 


แต่คนที่ตั้งใจกระโจนใส่สิ่งไม่ดีทั้งที่ไม่มีความเดือดร้อนจำเป็นแต่กระทำเพราะเห็นว่ามัน "ง่ายและเร็ว" เช่น ไปกู้นอกระบบมาซื้อสิ่งฟุ่มเฟือย, ค้ายาหรือขายตัวมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย คนเหล่านี้ไม่สมควรได้รับความเห็นใจเพราะพวกเขาจงใจทำสิ่งที่ไม่ดีเพียงเพราะความมักง่ายและรักสบาย


และคนที่น่ารังเกียจที่สุดคือคนที่คิดจะกลับผิดเป็นถูก เพียงเพราะตัวเองมักง่ายและรักสบายแต่ไม่อยากถูกคนรอบข้างประณามที่ตัวเองกำลังทำสิ่งที่ผิด หรือมัวเมาอยู่ในอบายมุข


ผู้ที่สนับสนุนการค้าประเวณีโดยเฉพาะผู้หญิงที่สมัครใจขายบริการทางเพศมักจะอ้างสิทธิ์ในร่างกายของตนว่า "ตัวกู จิ๋มกู กูจะขายก็เรื่องของกู" มองว่าการขายตัวคือการมีอำนาจในร่างกายตัวเองหรือเสริมอำนาจความเป็นเพศหญิง (female empowerment) แล้วมักมองผู้ต่อต้านว่าเป็นพวกหัวโบราณ, ผัวไม่รัก, ขี้เหร่, เกลียดเซ็กซ์, ขี้หึงขี้อิจฉา, พวกชอบขัดความสุขของผู้ชาย ฯลฯ


นั่นเป็นความเข้าใจผิด


 


ภาพจาก - https://newrepublic.com/article/155481/liberal-feminism-sex-work-problem


ความมีอำนาจไม่เคยเกิดจากการลดตัวเป็นวัตถุทางเพศของใคร อำนาจที่แท้จริงในธุรกิจค้ากามคือ "เงิน" ที่สามารถทำให้ผู้หญิงยอมแก้ผ้านอนกับชายที่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบ ในวงการค้ากามอำนาจอยู่ในมือผู้ซื้อ ส่วนโสเภณีคือผู้ถูกอำนาจควบคุมให้ทำทุกอย่างเพื่อเงิน


ผู้หญิงบางคนอาจเถียง "ฉันมีอำนาจที่จะเลือกและปฏิเสธลูกค้าได้" นั่นไม่ใช่อำนาจเพราะเมื่อคุณปฏิเสธเขาก็แค่ไปซื้อคนอื่น เขาไม่จำเป็นต้องง้อคุณเพราะคุณไม่ใช่ผู้ผูกขาดจิ๋มอยู่เพียงผู้เดียว ต่อให้ไม่ได้นอนกับคุณเขาก็ไม่ได้เสียหายหรือจะเป็นจะตายอะไรมากมาย แต่คุณต่างหากที่จะเสียรายได้ และเมื่อถึงคราวที่คุณแก่ตัวลงไม่สาวไม่สวยเหมือนเดิมถึงตอนนั้นถ้าคุณยังยึดอาชีพขายตัวอยู่ คุณจะยังมี "อำนาจ" ในการเลือกลูกค้าได้เหมือนสมัยสาวๆ หรือไม่?


ในธุรกิจค้ากามผู้หญิงไม่ได้มีอำนาจอะไรเลย 


การนอนกับชายที่มีอำนาจแล้วเขารับเลี้ยงเป็นเมีย มีข้าทาสบริวารรอบล้อม มีทรัพย์สินเงินทอง หรือได้รับอภิสิทธิ์อภิสิทธิ์ต่างๆ นั่นคือการใช้ความเป็นหญิงเพื่อ "ขอยืม" อำนาจจากผู้ชายและอำนาจก็ยังอยู่ที่ผู้ชาย 100% เมื่อใดที่ผู้ชายริบอำนาจคืนแล้วถีบหัวส่งผู้หญิงก็หมดอำนาจแล้ว


และแม้มนุษย์ทุกคนมีสิทธิในร่างกายของตนหรือผู้หญิงบางกลุ่มมีอิสระที่จะขายร่างกายตนก็จริง แต่การจะเรียกร้องให้สังคมเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์เพียงเพื่อให้พวกตนได้ใช้สิทธิ์นั้นโดยไม่ต้องละอาย ก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบด้วยว่ามันจะเปิดช่องให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาหรือไม่ 


ถ้าไม่คิดถึงคนอื่นเลยจะเอาแต่ได้ฝ่ายเดียวก็คือเห็นแก่ตัวไม่คิดถึงส่วนรวม


ซึ่งแน่นอนว่าการทำให้ธุรกิจค้ากามถูกกฎหมายจะส่งผลกระทบต่อสังคมและคนส่วนใหญ่ในประเทศ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่กำลังตกเป็นเหยื่อวงการค้าประเวณีอย่างร้ายแรง ไม่ได้ช่วยให้คนที่เป็นโสเภณีอยู่แล้วมีความเป็นอยู่ดีขึ้น แถมยังจะทำให้ปัญหาโสเภณีปัญหาการค้ามนุษย์และปัญหาสังคมด้านความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กเลวร้ายลงไปอีก 


 


ภาพจาก - https://aztrauma.org/prostitution-cultural-misconceptions-and-the-harm-we-cause/


ข้อเท็จจริงคือปัจจุบันโสเภณีส่วนใหญ่ในธุรกิจค้ากาม (บางงานวิจัยระบุว่ามากถึง 90%) ไม่ได้อยากมาเป็นโสเภณีและมีประวัติเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศตอนเด็ก ระหว่างเป็นโสเภณีก็มักต้องประสบกับความรุนแรงในด้านต่างๆ ทั้งการทำร้ายร่างกาย, ถูกข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศ, ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์,ซึมเศร้า, เป็น PTSD (บางงานวิจัยระบุว่าขณะประจำการทหารออสเตรเลียเป็น PTSD 5-12% แต่โสเภณีที่เป็น PTSD มีมากถึง 40-55%ในขณะที่คนปกติหญิง 8% ชาย 5%), และมีภาวะอยากฆ่าตัวตาย


"Survival Sex" หรือ "การมีเซ็กซ์เพื่อความอยู่รอด" เป็นแรงขับดันหลักของโสเภณีส่วนใหญ่ที่เข้ามาขายนอกเหนือจากเหยื่อที่ถูกหลอกถูกบังคับซื้อขายจากขบวนการค้ามนุษย์ คือการขายตัวเพื่อให้ได้ปัจจัยในการดำรงชีวิต


พูดง่ายๆ คือ "ถ้าไม่ขายก็อดตาย" 


การที่ลูกค้าเห็นโสเภณีส่วนใหญ่ยิ้มแย้มแจ่มใสนั่นอย่าเข้าใจผิดว่าพวกเธอดีใจที่ได้ขายตัวให้กับคุณ พวกเธอแค่แสร้งยิ้มเพราะหวังเงินจากคุณต่างหาก หากไม่มีเงินมาเกี่ยวข้องพวกเธอไม่อยากจะอยู่ในห้อง 2 ต่อ 2 กับคุณด้วยซ้ำ (แต่ก็มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่จงใจซื้อเด็กหรือผู้หญิงที่เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจ ทำท่าหวาดกลัว ร้องไห้ อ้อนวอนขอชีวิต มาเพื่อลงมือข่มขืนหรือทำร้ายร่างกายให้สะใจสนองอารมณ์ดิบของตน)


ข้างล่างเป็น link ส่วนหนึ่งของบทความที่บอกสภาพความเป็นจริงของโสเภณีส่วนใหญ่

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3499847/

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3508959/

https://www.prostitutionresearch.com/pdf/Prostitutionin9Countries.pdf

https://pcar.org/sites/default/files/pages-pdf/the_intersection_between_prostitution_and_sexual_violence.pdf

https://www.nytimes.com/1998/08/18/science/many-prostitutes-suffer-combat-disorder-study-finds.html

https://theconversation.com/a-soldier-and-a-sex-worker-walk-into-a-therapists-office-whos-more-likely-to-have-ptsd-71464


 


ภาพจาก - https://www.wcax.com/content/news/Vt-House-passes-bill-giving-new-protections-to-sex-workers-568052671.html


ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากการทำให้ธุรกิจค้ากามถูกกฎหมายคือเหล่าแมงดา, เจ้าของซ่อง, นายทุนและอภิสิทธิ์ชน (ชายที่อยากซื้อและหญิงที่อยากขาย) เพราะมันช่วยเปิดทางให้พวกเขาได้ใช้อำนาจเงินซื้อขายร่างกายของผู้ด้อยโอกาสกว่าเหมือนผักปลาได้สะดวกขึ้น


ฉะนั้นหากอยากช่วยเหลือโสเภณีควรช่วยให้พวกเธอความเป็นอยู่ดีขึ้นด้วยวิธีอื่นไม่ใช่ทำให้กระบวนการค้ากามหรือโสเภณีถูกกฎหมาย


สิ่งที่ไทยเราควรจะทำคือการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ มีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากพอให้หญิงหรือเด็กยากจนไม่ต้องขายตัวเพียงเพราะไม่มีจะกิน หรือช่วยโสเภณีให้มีความรู้และทักษะไปประกอบอาชีพอื่นได้โดยไม่ต้องขายตัวอีก ไม่ใช่มาเรียกร้องให้ผู้หญิงทุกคนมีสิทธิเป็นโสเภณี


ปกตอน 191


#delvento : http://www.comico.in.th/titles/130

ตอน 191 : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/199

ตอน 181 : ใช้ RC อ่านได้ : http://www.comico.in.th/titles/130/chapters/189

...

เพิ่งจะนึกได้ลืมอัพรูปแจ้งข่าวอาทิตย์นี้