วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2563

โสเภณีถูกกฎหมาย (4) สิทธิเสรีภาพในการขายตัว

ขายตัวถูกกฎหมายใครๆ ก็เป็นโสเภณีได้ง่ายจัง (4)


ข้อโต้แย้งประเด็น "สิทธิเสรีภาพในการขายตัวควรเป็นของผู้หญิงทุกคน"


เหตุผลของผู้สนับสนุน - การขายตัวเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลนั้นๆ รัฐไม่ควรปิดกั้นการใช้สิทธิของประชาชน


 


ภาพจาก - https://youngmormonfeminists.org/2014/04/22/sex-positive-anti-sex-work-changing-hearts-and-minds-on-prostitution/


โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนยังเชื่อว่าคนส่วนใหญ่อยากเป็นคนดีไม่อยากทำผิด แต่บางช่วงของชีวิตเราอาจไม่มีทางเลือกมากนัก หรืออาจถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องทำสิ่งไม่ดีเพื่อเอาตัวรอด เช่น อย่างเบาๆ ก็โกหกหรือใส่ร้ายคนอื่น หรืออย่างหนักๆ ก็อาจต้องไปกู้หนี้นอกระบบ, ขายตัวหรือขายยา


หากทำด้วยภาวะจำยอมผู้เขียนจะไม่ตัดสินเพราะความจำเป็นของคนเราไม่เหมือนกัน ที่เหลือก็ว่ากันไปตามกฎหมาย 


คนที่ตระหนักรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองจำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอดเป็นสิ่งไม่ดีแล้วพยายามหาทางเลิก คือคนที่น่าเห็นใจและสมควรได้รับโอกาสจากสังคมในการเริ่มต้นใหม่ 


แต่คนที่ตั้งใจกระโจนใส่สิ่งไม่ดีทั้งที่ไม่มีความเดือดร้อนจำเป็นแต่กระทำเพราะเห็นว่ามัน "ง่ายและเร็ว" เช่น ไปกู้นอกระบบมาซื้อสิ่งฟุ่มเฟือย, ค้ายาหรือขายตัวมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย คนเหล่านี้ไม่สมควรได้รับความเห็นใจเพราะพวกเขาจงใจทำสิ่งที่ไม่ดีเพียงเพราะความมักง่ายและรักสบาย


และคนที่น่ารังเกียจที่สุดคือคนที่คิดจะกลับผิดเป็นถูก เพียงเพราะตัวเองมักง่ายและรักสบายแต่ไม่อยากถูกคนรอบข้างประณามที่ตัวเองกำลังทำสิ่งที่ผิด หรือมัวเมาอยู่ในอบายมุข


ผู้ที่สนับสนุนการค้าประเวณีโดยเฉพาะผู้หญิงที่สมัครใจขายบริการทางเพศมักจะอ้างสิทธิ์ในร่างกายของตนว่า "ตัวกู จิ๋มกู กูจะขายก็เรื่องของกู" มองว่าการขายตัวคือการมีอำนาจในร่างกายตัวเองหรือเสริมอำนาจความเป็นเพศหญิง (female empowerment) แล้วมักมองผู้ต่อต้านว่าเป็นพวกหัวโบราณ, ผัวไม่รัก, ขี้เหร่, เกลียดเซ็กซ์, ขี้หึงขี้อิจฉา, พวกชอบขัดความสุขของผู้ชาย ฯลฯ


นั่นเป็นความเข้าใจผิด


 


ภาพจาก - https://newrepublic.com/article/155481/liberal-feminism-sex-work-problem


ความมีอำนาจไม่เคยเกิดจากการลดตัวเป็นวัตถุทางเพศของใคร อำนาจที่แท้จริงในธุรกิจค้ากามคือ "เงิน" ที่สามารถทำให้ผู้หญิงยอมแก้ผ้านอนกับชายที่ไม่ได้รักไม่ได้ชอบ ในวงการค้ากามอำนาจอยู่ในมือผู้ซื้อ ส่วนโสเภณีคือผู้ถูกอำนาจควบคุมให้ทำทุกอย่างเพื่อเงิน


ผู้หญิงบางคนอาจเถียง "ฉันมีอำนาจที่จะเลือกและปฏิเสธลูกค้าได้" นั่นไม่ใช่อำนาจเพราะเมื่อคุณปฏิเสธเขาก็แค่ไปซื้อคนอื่น เขาไม่จำเป็นต้องง้อคุณเพราะคุณไม่ใช่ผู้ผูกขาดจิ๋มอยู่เพียงผู้เดียว ต่อให้ไม่ได้นอนกับคุณเขาก็ไม่ได้เสียหายหรือจะเป็นจะตายอะไรมากมาย แต่คุณต่างหากที่จะเสียรายได้ และเมื่อถึงคราวที่คุณแก่ตัวลงไม่สาวไม่สวยเหมือนเดิมถึงตอนนั้นถ้าคุณยังยึดอาชีพขายตัวอยู่ คุณจะยังมี "อำนาจ" ในการเลือกลูกค้าได้เหมือนสมัยสาวๆ หรือไม่?


ในธุรกิจค้ากามผู้หญิงไม่ได้มีอำนาจอะไรเลย 


การนอนกับชายที่มีอำนาจแล้วเขารับเลี้ยงเป็นเมีย มีข้าทาสบริวารรอบล้อม มีทรัพย์สินเงินทอง หรือได้รับอภิสิทธิ์อภิสิทธิ์ต่างๆ นั่นคือการใช้ความเป็นหญิงเพื่อ "ขอยืม" อำนาจจากผู้ชายและอำนาจก็ยังอยู่ที่ผู้ชาย 100% เมื่อใดที่ผู้ชายริบอำนาจคืนแล้วถีบหัวส่งผู้หญิงก็หมดอำนาจแล้ว


และแม้มนุษย์ทุกคนมีสิทธิในร่างกายของตนหรือผู้หญิงบางกลุ่มมีอิสระที่จะขายร่างกายตนก็จริง แต่การจะเรียกร้องให้สังคมเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์เพียงเพื่อให้พวกตนได้ใช้สิทธิ์นั้นโดยไม่ต้องละอาย ก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบด้วยว่ามันจะเปิดช่องให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาหรือไม่ 


ถ้าไม่คิดถึงคนอื่นเลยจะเอาแต่ได้ฝ่ายเดียวก็คือเห็นแก่ตัวไม่คิดถึงส่วนรวม


ซึ่งแน่นอนว่าการทำให้ธุรกิจค้ากามถูกกฎหมายจะส่งผลกระทบต่อสังคมและคนส่วนใหญ่ในประเทศ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่กำลังตกเป็นเหยื่อวงการค้าประเวณีอย่างร้ายแรง ไม่ได้ช่วยให้คนที่เป็นโสเภณีอยู่แล้วมีความเป็นอยู่ดีขึ้น แถมยังจะทำให้ปัญหาโสเภณีปัญหาการค้ามนุษย์และปัญหาสังคมด้านความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กเลวร้ายลงไปอีก 


 


ภาพจาก - https://aztrauma.org/prostitution-cultural-misconceptions-and-the-harm-we-cause/


ข้อเท็จจริงคือปัจจุบันโสเภณีส่วนใหญ่ในธุรกิจค้ากาม (บางงานวิจัยระบุว่ามากถึง 90%) ไม่ได้อยากมาเป็นโสเภณีและมีประวัติเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศตอนเด็ก ระหว่างเป็นโสเภณีก็มักต้องประสบกับความรุนแรงในด้านต่างๆ ทั้งการทำร้ายร่างกาย, ถูกข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศ, ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์,ซึมเศร้า, เป็น PTSD (บางงานวิจัยระบุว่าขณะประจำการทหารออสเตรเลียเป็น PTSD 5-12% แต่โสเภณีที่เป็น PTSD มีมากถึง 40-55%ในขณะที่คนปกติหญิง 8% ชาย 5%), และมีภาวะอยากฆ่าตัวตาย


"Survival Sex" หรือ "การมีเซ็กซ์เพื่อความอยู่รอด" เป็นแรงขับดันหลักของโสเภณีส่วนใหญ่ที่เข้ามาขายนอกเหนือจากเหยื่อที่ถูกหลอกถูกบังคับซื้อขายจากขบวนการค้ามนุษย์ คือการขายตัวเพื่อให้ได้ปัจจัยในการดำรงชีวิต


พูดง่ายๆ คือ "ถ้าไม่ขายก็อดตาย" 


การที่ลูกค้าเห็นโสเภณีส่วนใหญ่ยิ้มแย้มแจ่มใสนั่นอย่าเข้าใจผิดว่าพวกเธอดีใจที่ได้ขายตัวให้กับคุณ พวกเธอแค่แสร้งยิ้มเพราะหวังเงินจากคุณต่างหาก หากไม่มีเงินมาเกี่ยวข้องพวกเธอไม่อยากจะอยู่ในห้อง 2 ต่อ 2 กับคุณด้วยซ้ำ (แต่ก็มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่จงใจซื้อเด็กหรือผู้หญิงที่เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจ ทำท่าหวาดกลัว ร้องไห้ อ้อนวอนขอชีวิต มาเพื่อลงมือข่มขืนหรือทำร้ายร่างกายให้สะใจสนองอารมณ์ดิบของตน)


ข้างล่างเป็น link ส่วนหนึ่งของบทความที่บอกสภาพความเป็นจริงของโสเภณีส่วนใหญ่

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3499847/

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3508959/

https://www.prostitutionresearch.com/pdf/Prostitutionin9Countries.pdf

https://pcar.org/sites/default/files/pages-pdf/the_intersection_between_prostitution_and_sexual_violence.pdf

https://www.nytimes.com/1998/08/18/science/many-prostitutes-suffer-combat-disorder-study-finds.html

https://theconversation.com/a-soldier-and-a-sex-worker-walk-into-a-therapists-office-whos-more-likely-to-have-ptsd-71464


 


ภาพจาก - https://www.wcax.com/content/news/Vt-House-passes-bill-giving-new-protections-to-sex-workers-568052671.html


ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากการทำให้ธุรกิจค้ากามถูกกฎหมายคือเหล่าแมงดา, เจ้าของซ่อง, นายทุนและอภิสิทธิ์ชน (ชายที่อยากซื้อและหญิงที่อยากขาย) เพราะมันช่วยเปิดทางให้พวกเขาได้ใช้อำนาจเงินซื้อขายร่างกายของผู้ด้อยโอกาสกว่าเหมือนผักปลาได้สะดวกขึ้น


ฉะนั้นหากอยากช่วยเหลือโสเภณีควรช่วยให้พวกเธอความเป็นอยู่ดีขึ้นด้วยวิธีอื่นไม่ใช่ทำให้กระบวนการค้ากามหรือโสเภณีถูกกฎหมาย


สิ่งที่ไทยเราควรจะทำคือการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ มีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากพอให้หญิงหรือเด็กยากจนไม่ต้องขายตัวเพียงเพราะไม่มีจะกิน หรือช่วยโสเภณีให้มีความรู้และทักษะไปประกอบอาชีพอื่นได้โดยไม่ต้องขายตัวอีก ไม่ใช่มาเรียกร้องให้ผู้หญิงทุกคนมีสิทธิเป็นโสเภณี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น